ผมบอกคณะที่มาศึกษาดูงานในวันนี้ว่า..ผมรู้สึกเหนื่อยมาก เหนื่อยทั้งกายและใจ เป็นการต้อนรับที่เหนื่อยที่สุด...
ผมต้อนรับคณะนักบริหารของกรมอนามัย ที่เข้าอบรมในหลักสูตร “นักบริหารอนามัยสิ่งแวดล้อมและการส่งเสริมสุขภาพ” ที่กรุงเทพฯซึ่งจัดโดยกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ในตารางการอบรม..มีกำหนดการลงพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้..หนึ่งในพื้นที่ที่ถูกเลือกคือ โรงเรียนบ้านหนองผือ..ที่คณะผู้จัดการอบรมให้ความสนใจเกี่ยวกับ”โรงเรียนเล็กในป่าใหญ่กับการเรียนการสอนด้วยศาสตร์พระราชา...”
ผู้บริหารที่มาเรียนรู้ดูงาน..คงสงสัยว่าผมเหนื่อยอะไรหนักหนา..ผมต้องรีบอธิบายว่า..วันนี้วันศุกร์..โรงเรียนสะอาดร่มรื่นและเรียบร้อยมาตั้งแต่วันจันทร์ ครูและนักเรียนจะช่วยกันเก็บกวาดวันละ ๑๕ นาที..ไม่ว่าจะมีใครมาเยี่ยมเยือนหรือไม่ก็ตาม..
ผมเดินทางถึงโรงเรียนในเวลา ๐๗.๓๐ น.ตามปกติ..รู้สึกตกใจ..อารมณ์ไม่แจ่มใสเลย..เหงื่อตกทั้งที่ยังไม่ทำอะไร..อากาศก็ยังไม่ร้อน..
เพราะถนนหนทางในโรงเรียน..อาคารเรียน ห้องสมุด สนามวอลเลย์บอลและแปลงผัก..เต็มไปด้วยขี้เถ้าจากการเผาอ้อย..หรือหิมะสีดำ..
เผากันตรงข้ามประตูโรงเรียน ไร่อ้อยเกือบ ๓๐ ไร่ ควันไฟยังคุกรุ่น แต่ใจผมรู้สึกร้อนยิ่งกว่า..อยากไปแจ้งให้ทางอำเภอทราบเพื่อให้ใช้มาตรการทางกฎหมายมาลงโทษ..
ผมบอกตัวเองว่า..ใจเย็นไว้วันนี้มีแขกมา..ลงมือเก็บกวาดจะดีกว่า..
ผู้ปกครองขับรถมาส่งลูกหลานออกอาการเห็นใจผม..”ที่บ้านก็เต็มไปหมดเลยครู กวาดกันไม่หวาดไว้” “เผาตอนไหนล่ะ” ผมถาม “เมื่อเช้ามืดนี่เอง”
ผมจัดโต๊ะในห้องประชุมเสร็จเรียบร้อย...อาหารว่างมีมะขามหวานกับขนมสอดไส้..๑๑ โมงคณะผู้บริหารฯก็เดินทางมาถึง...
ผมขอบคุณคณะที่มา..ที่กรุณาแนะนำตัวให้ผมรู้จัก ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้บริหารระดับสูง..สังกัดกรมอนามัยทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค..
_ ผมบรรยายไม่นานมากนัก เพื่อเปิดโอกาสผู้ฟังได้ซักถาม..ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะถามว่าผมพบปัญหาอุปสรรคอะไรบ้าง..ในการทำงาน..
ผมก็ตอบว่า..ปัญหาและอุปสรรคผมมีเยอะ แต่ผมไม่เคยกลัวไม่เคยท้อเพราะเป็น โรงเรียนขนาดเล็กที่ผมเลือกเอง..มีปัญหาย่อมเป็นเรื่องปกติ..ผมไม่ได้จบด้านบริหารก็เลยต้องเรียนรู้สู้งาน...
ผมเรียนจบด้านการสอน..ผมก็เลยโชคดีที่สอนหนังสือได้ มีโอกาสได้สอนทุกวัน..จึงรู้ว่า”การเรียนการสอน” คือหัวใจ..คือทุกสิ่งทุกอย่างของโรงเรียน และสำคัญกว่านโยบายใดๆทั้งหมด..
ผมบอกด้วยว่า..ในแต่ละปีการศึกษาทำแต่เรื่อง “การอ่านคล่องเขียนคล่อง”เพียงเรื่องเดียว..จึงทำให้มีวันนี้วันที่โรงเรียนเล็กๆมีความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ไม่กลัวที่จะถูกยุบ ควบ รวม..
ถ้าจะถามว่าใช้ศาสตร์พระราชาอย่างไรบ้าง? ผมก็บอกว่า..ทำในลักษณะบูรณาการให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนและแหล่งเรียนรู้..โดยเน้นที่การพึ่งตนเอง..ไม่รองบประมาณจากภาครัฐ ไม่รอคำสั่งจากใคร? และทำทุกอย่างให้เรียบง่ายและประหยัด...
ที่สำคัญที่สุด..ผู้บริหารต้องเป็นผู้นำที่เสียสละและต้องมีความขยันหมั่นเพียร ที่ต้องทำให้สม่ำเสมอและต่อเนื่อง...
คณะผู้บริหารเดินชมโดยรอบโรงเรียนอย่างทั่วถึง..คำชมที่ผมได้รับคือ โรงเรียนสะอาด โดยเฉพาะห้องน้ำห้องส้วม..ผมก็เลยบอกว่า “ส้วม”ก็เป็นสื่อการสอน..ก็ต้องทำให้สะอาดทุกวัน..
อาหารมื้อกลางวันของโรงเรียน ยังมีรสชาติอร่อยเพราะความหิวเหมือนเดิม ผมแต่งเติมในช่วงท้ายด้วยบทเพลง..เพื่อพ่อลูกจะทำแต่ความดี..เพลงเกี่ยวข้าว และเพลงแหล่ “ปลูกผัก” ขับร้องหมู่โดยนักเรียนชั้น ป.๖..
คณะที่มาศึกษาดูงานกลับไปแล้ว..ผมรู้สึกมีความสุขมาก สุขใจเพราะคิดได้และใจเย็นลงอันเนื่องมาจาก..กรณีการเผาอ้อยเมื่อตอนเช้า..เพราะผมอ่านพบข้อความที่ว่า..
“อยู่กับผู้คนจำนวนมาก ย่อมมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง พูดอะไรออกไปถ้าสร้างปัญหา..เลี่ยงได้ก็เลี่ยงซะ..”
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒
….จึงรู้ว่า”การเรียนการสอน” คือหัวใจ..คือทุกสิ่งทุกอย่างของโรงเรียน และสำคัญกว่านโยบายใดๆทั้งหมด…
โดยเฉพาะการสอนด้วยการทำให้ดู พาทำ แบบนี้ครับ …. ขออนุญาตท่าน ผอ. กล่าวถึง ร.ร.บ้านหนองผือ เป็นตัวอย่างของ โรงเรียนปูทะเลย์มหาวิชชาลัย จะได้ไหมครับ….
ผมคิดว่านี่คือทางออกของการศึกษาไทย
ด้วยความยินดีครับ ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ..ที่ให้กำลังใจผมมาตลอด