วันที่ ๙-๑๐ พ.ย. ๒๕๖๑ ชมรมตามรอยเท้าพ่อ ได้เรียนรู้เรื่องการบำบัดน้ำเสียภาคปฏิบัติกับ ผศ.ดร.เพชร เพ็งชัย ผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำเสีย จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มมส. (นี้เอง) ท่านมาแบบจิตอาสาและพาทำ พร้อมทั้งสนับสนุนงบซื้อจุลินทรีย์ที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียในวงการอุตสาหกรรม แถมยังซื้อปั๊มฉีดจุลินทรีย์ให้ใช้ถึง ๒ ตัว เพียงเพื่อจะให้นิสิตจิตอาสาที่มาร่วมวันนี้ได้เรียนรู้จากการลงมือทำ ได้ลงมือฉีดจุลินทรีย์ด้วยตนเอง ... ผมคิดว่าเป็นกิจกรรมที่ดีมากๆ และเข้าใจว่า เป็นความร่วมมือกันของกลุ่มเครือข่ายนิสิตจิตอาสาและชมรมตามรอยเท้าพ่อ ... ก็ขออนุโมทนากับทั้ง ดร.เพชร และนิสิตที่ไปร่วมทุกคน ณ ตรงนี้อีกครั้งครับ
ความเป็นไปต่อมา (อัพเดทเหตุการณ์ต่อจากบันทึกก่อน)
การแนะนำให้นิสิตชมรมตามรอยเท้าพ่อทดลองเอาผักตบชวามาบำบัดน้ำเสียและวัดค่าคุณภาพน้ำเป็นระยะที่ผ่าน มุ่งประโยชน์ด้านการเรียนรู้วิธีการ "เดินตามรอยเท้าพ่อ" ของนิสิตในชมรมเป็นสำคัญ มุ่งหวังผลด้านการศึกษาและเรียนรู้วิธีการใช้ "อธรรมปราบอธรรม" ตามหลักการทรงงาน การมุ่งหวังจะบำบัดหรือป้องกันน้ำในสระเสียนั้น เกินกำลัง เกินศักยภาพของชมรมฯ (ปริมาณผักตบชวาต้องมีมากกว่าที่เห็นเยอะ ไม่น่าจะควบคุมได้ไหว)... ผู้สนใจอ่านบันทึกที่ผ่านมาอย่างละเอียดเถิด (บันทึก ๑ และ ๓ )
ช่วง ๒ เดือนก่อน เกิดความเข้าใจผิดของนิสิตส่วนหนึ่ง (น่าจะกลุ่มใหญ่พอสมควร ผมเข้าใจอย่างนั้น) ว่า ผักตบชวาที่ชมรมฯ เอามาลงสระนั้น เป็นต้นเหตุของน้ำเสียในสระ กอปรกับแปลงผักตบชวาที่แตกกระจายไปอยู่ตามขอบรอบสระประปราย ทำให้ดูไม่เรียบร้อย (เหตุเพราะกำลังคนน้อย) แม้ว่าชมรมจะจัดระเบียบแปลงผักตบชวาส่วนใหญ่ ไปผูกไว้ข้างสะพานรื้อผักตบแล้ว ทั้งที่ความจริงผักตบช่วยดูดซับสารอาหารและสารโลหะหนักในน้ำทำให้น้ำดีขึ้น (ตามที่ทรงทำให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้ว) ความเข้าใจผิดนี้ทำให้เกิดการอภิปรายกันอย่างกว้างขวางในบรรดากลุ่มแกนนำนิสิต ... ซึ่งถือเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ดีโดยบังเอิญ
ผมได้เรียนไปในบันทึกที่แล้ว (บันทึกที่ ๔) ว่าผมเป็นผู้ทำ "สะพานรื้อผักตบชวา" ขึ้นมาเอง เป็นสะพานไม้ชั่วคราว ด้วยเหตุผลว่า หากปล่อยไว้นานเกินไปจะไม่สามารถควบคุมผักตบชวาได้ ไม่สามารถจะรอให้นิสิตทำโครงการทำเองตามปกติ และตามทฤษฎีจะต้องลงเก็บผักตบชวาที่แก่เต็มที่ออกจากแปลงทุก ๆ ๔๕ วัน รวมถึงแผนที่จะส่งเสริมให้นิสิตทดลองสร้างผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา สร้างสรรค์และพัฒนาให้เกิดปัญญาปฏิบัติ (Phronesis) ต่อไป ... มหาวิทยาลัยเป็นเหมือนบ้านของผม ผมเห็นอะไรจะดีต่อบ้านหลังนี้และทำได้ ผมจะทำเลยทันทีหลังจากที่ใคร่ครวญดีแล้วว่าเกิดผลดีกับมหาวิทยาลัย และไม่ส่งผลเสียต่อใครแน่ๆ
ผมเองรู้ดีและมั่นใจว่าผักตบชวาสามารถบำบัดน้ำเสียได้จริง (เหมาะสมกับปริมาณที่มี) และเป็นเพราะผักตบชวานั่นเองที่ทำให้ส่วนสระน้ำทิศตะวันตกเฉียงใต้ใกล้สามแยกไฟแดงไม่ส่งกลิ่นเหม็น แต่ผมตั้งใจพานิสิตรื้อผักตบชวาบริเวณนั้นออกด้วย เอาผักตบไปรวมไว้ไกลฝรั่งข้างถนน เพื่อไม่ให้ไปรกหูตาของผู้สัญจรไปมาและรวบรวมไว้ให้สามารถควบคุมปริมาณได้... เพียง ๒ สัปดาห์น้ำเสียบริเวณนั้นส่งกลิ่นเหม็นจนกลายมาเป็นประเด็นให้เกิดการอภิปรายกันมาก แม้ว่านิสิตหลายคนอาจไม่เข้าใจ แต่การ "ชี้แจงเชิงประจักษ์" ครั้งนี้ สามารถทำให้ทุกคนเห็นชัดว่าผักตบชวาแก้ปัญหากลิ่นและน้ำได้จริง ... สิ่งที่คุ้มค่าที่สุดก็คือ การทำให้สมาชิกชมรมฯ เอง เกิดความมั่นใจและศรัทธากับการแก้ปัญหาตาม "ศาสตร์พระราชา" ที่เราเพียรทำมาตั้งแต่ต้น
ความรู้เรื่องน้ำเสีย
น้ำเสียคือน้ำที่นำไปใช้ไม่ได้ ปลาอาศัยอยู่ก็ไม่ได้ รวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ด้วย นักวิทยาศาสตร์บอกว่าน้ำเสียหรือไม่ด้วยค่า DO (Dissolved Oxygen) คือ ปริมาณออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำ น้ำเสียจะมีค่า DO น้อยกว่า ๓ มิลลิกรัมต่อลิตร ถ้าค่า DO มีค่าตั้งแต่ ๓ ขึ้นไป จัดไว้ว่าเป็นน้ำดี
น้ำเสียสามารถแบ่งออกได้เป็น ๕ ประเภท ตามชนิดของสารเคมีหลักที่เป็นเหตุให้เกิดน้ำเสีย ได้แก่
วิธีการบำบัดน้ำเสีย
วิธีการบำบัดน้ำเสียอาจแบ่งได้เป็น ๓ ประเภทตามระดับความรุนแรงของการเน่าเสีย ได้แก่
(ที่มา http://www.stou.ac.th/Schools/Shs/booklet/6_2548/OccHealth.htm )
การบำบัดน้ำเสียด้วยแบคทีเรีย Bacillus subtilis
จุลินทรีย์ที่ ดร.เพชร นำมาพาฉีดวันนี้ ชื่อ แบคซิลลัส ซัปทิลลิส (bacillus subtillis) ความจริงท่านบอกว่ามี ๗๗ ชนิด แต่ชนิดนี้เป็นหลัก เป็นแบคทีเรียชนิดใช้ออกซิเจน เป็นผลงานวิจัยของหน่วยงานเทคนิคเกษตรของญี่ปุ่นและใต้หวัน เป็นจุลินทรีย์ที่ขยายพันธุ์เร็ว เพิ่มขึ้นเป็นแสนเท่าภายใน ๒๐ นาที เป็นแบคทีเรียนที่เข้มแข็ง ปลอดภัย ไร้สารพิษ มีสรรพคุณ ดังนี้
(ขอขอบคุณภาพทั้ง ๓ นี้จากเฟสบุ๊ค ดร.เพชรครับ)
ช่วงเย็นวันนี้ก่อนจะกลับมาบ้าน ผมเดินไปพิสูจน์กลิ่น ... ผมไม่ได้กลิ่นเหม็นแล้วครับ อาจจะเพราะชินหรือฝนเพิ่งตกไม่รู้ วันจันทร์นี้ไปดูอีกที ...
(ขออภัยที่ไม่มีภาพลืมตาครับ)
สุดท้ายนี้ก็ขออนุโมทนาบุญกับ ผศ.ดร.เพชร เพ็งชัย อีกครั้งครับ ทางชมรมตามรอยเท้าพ่อ ได้มอบพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ลายเส้นที่ประธานชมรมฯ เพียรวาดด้วยตนเอง เพื่อมอบให้เป็นสัญลักษณ์แทนความขอบคุญจากทางชมรมฯ ... ผมรู้สึกว่าเด็กๆ รู้สึกภูมิใจและมีความสุขมาก
ที่มา
ไม่มีความเห็น