บ่ายวันนี้มีความจำเป็นต้องไปห้างโรบินสันสุพรรณบุรี เลยถือโอกาสดูหนังที่เข้าสู่โรงฉายมาหลายวันแล้ว เขาว่าหนังดีก็เลยอยากดู ชื่อเรื่อง “โฮมสเตย์”
ตอนแรกก็นึกว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับนิยายท่องเที่ยว ที่มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับโรงแรมหรือที่พักในรีสอร์ท แต่ไม่ใช่เลย ลึกกว่าที่คิดไว้เยอะ
เป็นหนังแนวจิตวิทยา ที่สร้างโดยทีม gdh ซึ่งสร้างหนังปีละ ๒ – ๓ เรื่อง สร้างรายได้ดีทุกเรื่อง ผลิตโดย “จอกว้างฟิล์ม” ที่ทำแต่หนังคุณภาพ..
โฮมสเตย์..ก็คือเรือนร่างหรือชีวิต..ของเด็กชายวัยรุ่นที่ฆ่าตัวตาย เพราะคิดว่าตัวเองมีปัญหาครอบครัว ตายได้วันเดียวก็มีวิญญาณตนหนึ่งมาอาศัยร่างของเด็กชายที่ตาย ภายใน ๙๐ วันวิญญาณที่อยู่ “โฮมสเตย์”นี้ ต้องสืบรู้ให้ได้ว่าเจ้าของร่างเดิม..ตายเพราะอะไร?
ถ้าหาคำตอบไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปผุดไปเกิด..วิญญาณจึงต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อค้นหาหลักฐานและความจริง..
ที่สุดแล้วก็พบ..คำตอบ..เป็นสองคำตอบที่ชัดเจนว่าฆ่าตัวตาย เพราะเข้าใจผิดคิดว่าคนในครอบครัวไม่รัก..และรู้ว่าวิญญาณของตัวเองนั่นแหละที่เขาให้มาสิงร่างอยู่ เพื่อจะได้มีโอกาสทบทวนและแก้ไขตัวเอง...
หนังพยายามจะสร้างปมให้ เด็กชายวัยรุ่นสับสนในตัวเอง และเมื่อ “คิดเยอะ” เหตุการณ์ก็ไปกันใหญ่..เรื่องค่อยๆคลี่คลายเมื่อตัวละครมีปัญหาและแก้ปัญหาของตัวเอง ทุกคนพยายามทำหน้าที่ของความเป็นพ่อและแม่ พี่และน้อง
การไม่สื่อสารและไม่ทำความเข้าใจ “ความขัดแย้ง”ก็เกิดขึ้นได้ ความเข้าใจผิดก็ตามมา รวมทั้งการมองตัวเองว่าเป็นทุกสิ่งของปัญหา ย่อมไม่ถูกต้อง ทุกคนต่างก็มีปัญหาเป็นของตน..อยู่ที่เราจะแก้ไขมันอย่างไรและอยู่กับมันให้ได้..
หนังพยายามจะบอกว่าอย่าตัดช่องน้อยแต่พอตัว อย่าด่วนตัดสินใจใคร ให้ทำหน้าที่และมีความรับผิดชอบ อย่างมีเหตุมีผล...
ผมคิดว่าเป็นหนังปลายปีที่ดีเรื่องหนึ่ง ถึงแม้จะดูหนักๆไปหน่อย ออกจากโรงหนัง ผมถึงกับ “อึ้ง” เมื่อนึกถึงผู้สร้างหนัง ที่เข้าใจนำเรื่องราวปัญหาสังคมและครอบครัวที่พบเห็นบ่อยขึ้นมาผูกปมเป็นเรื่องราว
ผมคิดไปถึงการทำงาน..การศึกษา..บางทีมันก็มีความรู้สึกว่าเป็นปัญหา แต่ไม่เกี่ยวกับงานประจำ เป็นเรื่องของคนอื่นและเป็นเรื่องของระบบที่ไม่สามารถควบคุมได้..
ผมนำมาคิด วิเคราะห์และทำให้เป็นปัญหาของตัวเอง..จนรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะเครียดและมองโลกในแง่ร้าย ร่างกายและจิตใจจึงไม่ค่อยแจ่มใส หนังเรื่องโฮมสเตย์จึงช่วยเตือนสติผม..ให้ตระหนักว่า..
“อะไรที่ไม่เครียดจริง....ก็อย่าทำให้มันเครียดเลย...มีโอกาสได้ทำความดีแล้ว....ให้ความสุขกับตัวเองบ้างเถอะ...”
สิ่งที่หนังไม่ได้สอน แต่ผมทำอยู่แล้ว..แทบทุกวัน ที่ผมลองไปอยู่ “โฮมสเตย์”ในร่างนักการภารโรง..เป็นพักๆ รู้สึกมีความสุขมากที่ได้ดูแลอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อม..
สิ่งที่ค้นพบอย่างหนึ่งก็คือ..มันไม่ใช่ปัญหาของงานและชีวิต แต่มันเป็นแรงบันดาลใจที่นำพาไปสู่ความสุขและความสำเร็จ..
ทุกวัน..ผมอยู่โฮมสเตย์ ในร่าง “ครูผู้สอน” ที่ไม่เคยเครียด เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ และทำอย่างเต็มที่เต็มกำลังความสามารถ..
ไม่เคยคิดว่าตัวเองมีเวรมีกรรม แต่คิดว่าในสิ่งทำ..สร้างสรรค์และมีประโยชน์ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและใครๆ
แน่นอนที่สุด..การไม่เป็นตัวของตัวเอง “ปัญหา”ย่อมตามมา แต่สำหรับผมมองไม่เห็นปัญหา เพราะมีใจนำพาและมีศรัทธาอยู่พอสมควร
ขอบคุณ “โฮมสเตย์” ที่ตอกย้ำความเข้าใจว่าทุกชีวิตก็มีปัญหามากพอแล้ว อย่าไปคิดสร้างเพิ่มเติมให้ตัวเอง จงรักตัวเองและคนรอบข้าง..ก่อนที่จะไม่เหลือใครเลย และอย่าคิดอะไรที่ยุ่งยาก คนเราเกิดมาไม่ได้เอาอะไรมาและไม่ได้เอาอะไรไป..
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
“อะไรที่ไม่เครียดจริง….ก็อย่าทำให้มันเครียดเลย…ระยะหลังๆ ผมเริ่มเตือนตัวเองดังเช่นวาทกรรมข้างต้นอย่างจริงๆ จังๆ ครับ