10 อาหารที่แพทย์จีนเตือน


คุณย่าผู้เขียนเตือนว่า “เรื่องกิน... น้อยไว้ละดี” ท่านบริจาคดวงตาไว้ก่อนเป็นโรคสมองเสื่อม มีคนได้ดวงตาไป 2 ท่านๆ ละ 1 ข้าง

                  

คุณย่าผู้เขียนเตือนว่าเรื่องกิน... น้อยไว้ละดีท่านบริจาคดวงตาไว้ก่อนเป็นโรคสมองเสื่อม มีคนได้ดวงตาไป 2 ท่านๆ ละ 1 ข้าง

เรื่องนี้ทำให้หมู่ญาติของผู้เขียนอนุโมทนาสาธุกันมาก... เลยบริจาคดวงตาตามคุณย่ากันเกือบทุกคน...

คำกล่าวของคุณย่าคล้ายกับอาจารย์ชูมากเกอร์... อาจารย์เศรษฐศาสตร์ที่เขียนหนังสือแนวเศรษฐกิจพอเพียงไว้ตั้งแต่สมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลย

รัฐบาลสหราชอาณาจักร(หมู่เกาะอังกฤษ)จ้างอาจารย์ชูมากเกอร์ (Schumacher) ให้เข้าไปช่วยดูแล และให้คำแนะนำปัญหาเศรษฐกิจพม่า

ท่านไปพม่า... เห็นคนพม่ามีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ปลูกข้าว ปลูกพืชผักสวนครัว อยู่อย่างเรียบ ง่าย ประหยัด... แม้จะยากจนก็มีความสุขมากกว่าคนอังกฤษ

ท่านเลยได้ข้อคิดแนวเศรษฐกิจพอเพียงจากพม่า... ทั้งยังแนะนำให้รัฐบาลอังกฤษไปดูงานที่พม่าเสียอีก ท่านตั้งชื่อของท่านว่า น้อยไว้ละดี (Small is beautiful.)”

ท่านอาจารย์นายแพทย์ภาสกิจ(วิทวัส) วัณนาวิบูล อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนจีน แนะนำเคล็ดบับการดูแลสุขภาพตามศาสตร์แพทย์แผนจีนว่า อาหาร 10 อย่างที่ไม่ควรกินมากเกิน

อ.นพ.ภาสกิจ(วิทวัส)นำแนวคิดศาสตร์แพทย์แผนจีนมาวิเคราะห์โดยใช้หลักแพทย์แผนปัจจุบันประกอบ...

อาหารที่ไม่ควรกินมากเกิน หรือบ่อยเกินได้แก่...

  1. ไข่เยี่ยวม้า:
    ไข่เยี่ยวม้ามีตะกั่วค่อนข้างสูง ตะกั่วทำให้การดูดซึมแคลเซียมน้อยลง กินบ่อยๆ จะเสี่ยงโรคกระดูกโปร่งบาง และอาจได้รับพิษตะกั่ว เช่น สมองเสื่อม เป็นหมัน ฯลฯ
  2. ปาท่องโก๋:
    กระบวนการทำปาท่องโก๋มีการใช้สารส้ม ซึ่งมีตะกั่วปนเปื้อน ตะกั่วทำให้ไตทำงานหนักในการขับสารนี้ออกไป นอกจากนั้นยังทำให้คอแห้ง เจ็บคอง่าย โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคร้อนในได้ง่าย
  3. เนื้อย่าง:
    กระบวนการรมไฟ ย่างไฟทำให้เกิดสารเบนโซไพรีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
  4. ผักดอง:
    ผักดอง และของหมักเกลือทำให้ร่างกายได้รับเกลือโซเดียมสูง ถ้ากินบ่อยเกิน หรือมากเกินจะทำให้หัวใจทำงานหนัก เกิดความดันเลือดสูง และโรคหัวใจได้ง่าย นอกจากนั้นกระบวนการหมักดองยังทำให้เกิดสารแอมโมเนียมไนไตรด์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
  5. ตับหมู:
    ตับหมูมีโคเลสเตอรอลสูง การกินตับหมูบ่อยเกิน หรือมากเกินทำให้เสี่ยงต่อโรคหัวใจ เส้นเลือดสมอง(อัมพฤกษ์-อัมพาต) และโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น
  6. ผักขม ปวยเล้ง:
    ผักขมและปวยเล้งมีสารอาหารสูง ทว่า... มีกรดออกซาเลตมาก ทำให้เกิดการขับสังกะสี และแคลเซียมออกจากร่างกายมาก การกินบ่อยเกิน หรือมากเกินอาจทำให้เกิดภาวะขาดแคลเซียม หรือสังกะสีได้
  7. บะหมี่สำเร็จรูป:
    บะหมี่สำเร็จรูปมีสารกัดบูด สารแต่งรสค่อนข้างสูง และมีคุณค่าทางอาหารต่ำ การกินบะหมี่สำเร็จรูปมากเกิน หรือบ่อยเกินอาจทำให้เสี่ยงต่อโรคขาดอาหาร และการสะสมสารพิษได้
  8. เมล็ดทานตะวัน:
    เมล็ดทานตะวันมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ทว่า... การกินมากเกิน หรือบ่อยเกินอาจทำให้กระบวนการเคมี (metabolism) ในร่างกายผิดปกติ ทำให้เกิดการสะสมไขมันในตับ ภาวะไขมันในตับสูงอาจทำให้เสี่ยงต่อโรคตับ เช่น ตับแข็ง ฯลฯ เพิ่มขึ้น
  9. เต้าหู้หมัก เต้าหู้ยี้:
    กระบวนการหมักเต้าหู้อาจมีการปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่าย... ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อคนสูงอายุ หรือเด็กเล็กได้ นอกจากนี้กระบวนการผลิตยังทำให้เกิดไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย
  10. ผงชูรส:
    คนเราไม่ควรกินผงชูรสเกินวันละ 6 กรัม หรือประมาณ 1 ช้อนชา... การกินผงชูรสมากเกิน หรือบ่อยเกินทำให้เกิดภาวะกรดกลูตามิกในเลือดสูง อาจทำให้ปวดหัว ใจสั่น คลื่นไส้ และมีผลเสียต่ออวัยวะสืบพันธุ์

ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีอาหารปลอดภัย และมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ

    แหล่งที่มา:                                       

  • ขอขอบพระคุณ > อาจารย์ นพ.ภาสกิจ(วิทวัส) วัณนาวิบูล. แพทย์แผนจีน: อาหาร ๑๐ อย่างที่ไม่ควรกินมากเกิน. หมอชาวบ้าน (www.doctor.or.th // e-mail: [email protected]). ปี ๒๘. ฉบับ ๓๓๒. ธันวาคม ๒๕๔๙. หน้า ๔๒-๔๓.
    • ข้อมูลและการอ้างอิงในบล็อก บ้านสุขภาพมีไว้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค ไม่ใช่เพื่อการรักษาโรค
    • ท่านที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้
    •  นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ > ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ > 21 มิถุนายน 2550.
หมายเลขบันทึก: 65477เขียนเมื่อ 6 ธันวาคม 2006 12:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
  • ขอบคุณค่ะ อ.หมอ
  • คุณสามีชอบทานเต้าหู้ยี้กับข้าวต้มมาก คือถ้าหิวดึกๆเค้าก็ทานแบบนี้เป็นประจำ สงสัยต้องปรับลงให้กำลังงาม
  • ขอบคุณมากๆนะคะ ไม่ทราบมาก่อนเลยว่ามีไฮโดรเจนซัลไฟด์
ขอบคุณความรู้ดีๆจากอาจารย์หมอมากครับ ผมจะนำความรู้นี้ไปเผยแพร่ต่อไปนะครับ มีประโยชน์มาก
    ขอขอบพระคุณคุณหมอวัลลภ เป็นอย่างสูงครับที่นำสิ่งดีๆ เพื่อสุขภาพมาแบ่งปัน

ติดตามอ่านบันทึกของคุณหมอมาหลายบันทึกแล้วค่ะ...ล้วนแต่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์และคุณค่าต่อผู้ที่ได้อ่านอย่างมากมาย ขอบพระคุณ คุณหมอค่ะที่นำมาแบ่งปันร่วมกัน

ขอขอบคุณอาจารย์มัทนา และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • กระบวนการหมักมีส่วนทำให้เกิดสารต่างๆ มากมาย...
  • เข้าใจว่า ปริมาณสารที่เกิดจากการหมักคงจะไม่มาก และคนรุ่นก่อนๆ ก็ทานอาหารหมัก ดองมานานแล้ว
  • อย่างไรก็ตาม... ของหมักดองต่างๆ คงจะเข้าข่าย "น้อยไว้ละดี หรือนานๆ ครั้งละดี" ทำนองนี้

ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีสุขภาพดี มีอาหารดีกับสุขภาพไปนานๆ ครับ...

ขอขอบคุณอาจารย์จตุพร และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ขอขอบคุณอาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านที่กรุณาติดตามอ่านบันทึก...
  • การเผยแพร่ความรู้ดีๆ ของอาจารย์นับเป็นวิทยาทาน ได้บุญด้วย ได้มิตรภาพด้วย... สาธุ สาธุ สาธุ

ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีสุขภาพดี มีอาหารดีกับสุขภาพไปนานๆ ครับ...

ขอขอบคุณอาจารย์สิงห์ป่าสัก และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ขอขอบคุณอาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านที่กรุณาติดตามอ่านบันทึก...

ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีสุขภาพดี มีอาหารดีกับสุขภาพไปนานๆ ครับ...

ขอขอบคุณอาจารย์ PJ_NUQA และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ขอขอบคุณอาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านที่กรุณาติดตามอ่านบันทึก...

ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีสุขภาพดี มีอาหารดีกับสุขภาพไปนานๆ ครับ...

ผมมีเรื่องแลกเปลี่ยนสองเรื่องครับ
  • เรื่องแรก "บะหมี่สำเร็จรูป" พวกเราที่เรียนหมอ สมัยก่อน (ประมาณปี 2523) ไม่ค่อยจะมีอาหารประเภทกึ่งสำเร็จรูปเท่าไหร่ มีแต่กาต้มน้ำ (ที่จริงต้องเรียกว่าขดลวดร้อนต้มน้ำ คือเป็นขดลวด จุ่มในน้ำ แล้วเสียบไฟฟ้า รอสักครู่นำเดือดแล้วก็ปิดสวิชท์) เราก็สงสัยว่าทำไมพวกเด็กเหรียญทองไม่ยอมใส่ผงปรุงซักที ลองถามดู ได้คำตอบว่าอยากจะใส่ก็ได้ผงzzz นะ (zzz = ไม่ฉลาด สะกดด้วย ง งู)
  • เรื่องที่สองเรื่องเต้าหู้ ผมเคยไปพักกับเพื่อนที่นครสวรรค์ ที่บ้านเป็นโรงงานเต้าหู้ ปรากฎว่าแมลงสาบเยอะมาก มาป้วนเปี้ยนแถวๆ ที่เก็บถั่วเหลือง ที่นี้ถ้าจะรับประทานเมื่อไหร่ต้องเน้น ว่าต้องรับประทานกันในขณะที่สุกนะครับ

ขอขอบคุณอาจารย์หมอสุข และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ขอเรียนเชิญท่านผู้อ่านอ่านข้อคิดเห็นของอาจารย์หมอสุขทั้งเรื่องบะหมี่สำเร็จรูป และเต้าหู้

ปัญหาเรื่องความสะอาดเป็นปัญหาของไทยเป็นพิเศษ

  • เพราะไทยอาศัยรายได้จากการท่องเที่ยวมากเป็นอันดับ 1 แถมยังมีเป้าหมายจะเป็น "ครัวของโลก" อีกด้วย
  • นักท่องเที่ยวเกือบทุกท่านไม่ชอบของสกปรก และอาหารที่จะเป็นที่นิยมไปทั่วโลกได้จะต้องมีภาพพจน์... "อร่อย + สะอาด + มีคุณค่า" 

เต้าหู้นี่... กินสุกไว้ก่อนอย่างที่อาจารย์หมอสุขแนะนำ... จะปลอดภัยขึ้นเยอะเลย

  • ขอขอบคุณอาจารย์หมอสุขสำหรับข้อคิดเห็นที่ทรงคุณค่าครับ
ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท