ผมเข้าร่วมงานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติครั้งที่ 3 ด้วยความสมัครใจ โดยอาสาเข้าร่วมงานในห้องของชุมชนคุณอำนวย ซึ่งท่านอาจารย์หมอJJ เป็นแกนหลักในการประสานงาน เพราะมีกิจกรรมของ UKM ด้วย ผมอาจไม่ได้มีส่วนในการประสานงานมากนักเพราะอยู่ไกล และเป็นคนเล็กๆ ในหน่วยงาน ไปไหนมาไหนอาจลำบากบ้าง
ก่อนไปร่วมงาน ผมมีกิจกรรมที่จะต้องเข้าร่วมเรียนรู้ที่สำคัญอีกกิจกรรมหนึ่งตั้งแต่วันที่ 27 -29 พ.ย. เป็นงานนำเสนองานวิจัยชุมชนที่จังหวัดน่านครับ ซึ่งคุณพยอม คุณอำนวยของสำนักงานเกษตรจังหวัดน่านได้ให้โอกาสได้ไป ลปรร. ไป-กลับจากจังหวัดน่านผมขับรถไปเอง ไปเช้าวันที่ 27 กลับมาถึงช่วงดึกของวันที่ 29 และเช้าวันที่ 30 พ.ย. ก็ออกเดินทางต่อมาร่วมงานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติที่ไบเทค พวกอุปกรณ์ต่างๆ พี่สายัณห์ได้ช่วยกรุณาจัดการเตรียมไว้ให้อย่างเรียบร้อย
รู้สึกเพลียเหมือนกันตอนที่จัดบูทจนถึงเย็นของวันที่ 30 เหงื่อออกมากเพราะอากาศร้อน แต่ก็มีความสุขที่พวกเราชาวส่งเสริมการเกษตรที่มีหัวใจKMทุกๆ ท่านได้ร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเข้มแข็ง (บันทึกต่อๆไปจะมีภาพมานำเสนอครับ) แม้ในส่วนของจังหวัดจัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่พวกเราก็อยู่ให้กำลังใจและช่วยเหลือซึ่งกันและกันจนมืดค่ำ
ในการ ลปรร.ในห้องคุณอำนวยในวันที่ 2 นั้น ผมซึ่งไม่ใช่คุณอำนวยที่เก่งกาจ หรือเชี่ยวชาญแต่อย่างใด เพียงแต่อาศัยการลองผิดลองถูกและพอมีประสบการณ์มาบ้าง หลายท่านที่เข้ามา ลปรร.น่าจะเก่งกว่าผมเสียอีก และผมเป็นคุณอำนวยประเภทอยู่เบื้องหลัง ไม่ได้อยู่หน้าห้องบ่อยครั้งนัก แต่อย่างไรก็ตามการที่จะทำหน้าที่/บทบาทของคุณอำนวยนั้น สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อให้กับทุกๆ ท่านในการพูดคุยก็คือ "การมองภาพใหญ่" คือมองออกไปในองค์รวมของสังคมวงกว้างไม่เฉพาะงานในหน้าที่เท่านั้น และทีสำคัญ"ใจต้องเป็นคุณอำนวย" ด้วย ไม่เป็นแต่เพียงหน้าที่หรือบทบาทในงานที่ถูกกำหนดให้
งานผ่านไปแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้ว่ากิจกรรมที่ได้ร่วม ลปรร.จะส่งผลในทางปฏิบัติเพื่อเป็นการชักชวนหรือ สร้างพลังให้กับคุณอำนวยท่านอื่นๆ ได้มากน้อยเพียงใด ผมเชื่อว่า "ด้วยจิตที่อาสา" เท่านั้น ที่จะทำให้พวกเราคุณอำนวยการจัดการความรู้ทุกๆ ท่าน ก้าวเข้ามาร่วมกันขับเคลื่อนการจัดการความรู้ในทุกภาคส่วน ทะลายกำแพงแห่งสังกัด และผมเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า พวกเราทุกคนที่มีใจและเข้าร่วมงานนี้อย่าง "คนคอเดียวกัน" ทุกคนล้วนมาด้วย "จิตที่อาสา"เช่นเดียวกันกับผมทุกๆ คน
หลังจากพิธีปิดงานเสร็จแล้ว ผมมีความปิติเกิดขึ้นในจิตใจอย่างบอกไม่ถูก มีความสุขใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงาน แม้จะเพียงจุดหนึ่งเล็กๆ ที่อาจมองไม่เห็นก็ตาม แม้ร่างกายจะรู้สึกเพลียแต่จิตใจกลับสงบ สบายๆ ไม่เคยอ่อนล้าแต่กลับมีพลังเพิ่มมากขึ้น
"คุณอำนวยท่านอื่นๆ รู้สึกเหมือนผมไหมครับ"
( ชื่อของบันทึกนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากการดูวีซีดีของมูลนิธิฮักเมืองน่านชื่อ"พลเมืองจิตอาสา" ซึ่งเป็นการอาสาช่วยเหลือกันของชาวจังหวัดน่านและคนไทยในช่วงน้ำท่วมฯ )
บันทึกมาเพื่อการ ลปรร. ครับ
วีรยุทธ สมป่าสัก
เห็นด้วยกับคุณยุทธเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ
มีความรู้สึกว่าเรามีบทบาทที่เล็กมากๆเมื่อมองภาพใหญ่ที่เราได้เห็น จาก VCD ตอนเปิดงาน แต่เราก็ทำงานของเราอย่างทุ่มเทสุดหัวใจ สุขใจที่ได้เห็นคนที่เข้ามารับการอบรม GotoKnow ตั้งอกตั้งใจเรียนรู้และแสดงความกระตือรือร้นที่จะใช้ประโยชน์ต่อไป เป็นงานเล็กๆที่มีส่วนช่วย แม้ไม่ได้มีโอกาสไปแวะเยี่ยมชมงานส่วนอื่นๆมากนัก ก็ได้อ่านรายงานและรับฟังจากท่านอื่นๆทั้งในงาน และใน GotoKnow รู้สึกเต็มตื้นในใจจริงๆค่ะ
เรียกว่าเหนื่อยกาย แต่สุขใจ มีข้อคิดดีๆเก็บมาต่อยอด ได้เห็นพัฒนาการของคน ได้เห็นเครือข่ายคนรักงาน รักเมืองไทย ขยายวงกว้างขวาง ได้เห็นคนที่ทำงานแบบรักที่จะทำ ไม่หวังรางวัลหรือการประกาศเกียรติคุณใดๆ (แบบที่คุณยุทธบรรยายมา) อยู่มากมายเต็มงาน ทำให้เห็นว่าวัฒนธรรมแบบนี้เริ่มขยายตัว พวกเราที่ทำงานเพราะอยากทำ มีความสุขมากขึ้น เพราะงานที่เราทำได้นำไปต่อยอด ทำให้สังคมดีงามยิ่งขึ้น
การได้เฝ้ามองดูอยู่ อย่างมีส่วนร่วมแม้เพียงเล็กๆน้อยๆก็เป็นพลังใจมหาศาลที่ส่งเสริมให้เราเชื่อมั่นศรัทธาใน"คน"ของเรามากขึ้นค่ะ สุขใจและอิ่มใจจริงๆ
สวัสดีค่ะคุณสิงห์ป่าสัก
ยินดีที่ได้เจอนะค่ะ เห็นด้วยค่ะว่าเราไปด้วยจิตอาสากันทั้งนั้นค่ะ ไปเพื่อให้ค่ะ (อยากรับด้วยค่ะ แต่ไม่มีเวลาค่ะ ;)) และผลตอบรับสำหรับตัวดิฉัน พี่โอ๋-อโณ พี่เล็ก และ อ.ธวัชชัย คือ ได้เห็นสมาชิกหน้าใหม่ที่เข้าอบรมบล็อกในวันงานเริ่มมาเขียนบล็อกกันบ้างแล้วค่ะ :)
เรียน อาจารย์ขจิต คุณพี่เมตตา พี่โอ๋-อโณ และดร.จันทวรรณ
เรียน อาจารย์ Handy
เรียน พี่เมตตา
เรียน พี่เม่ย