
"หากจะพูดถึงความสำเร็จ ก็ต้องมาจากการล้มเหลวก่อน" ชีวิตคนเรามีอุปสรรคที่ไม่เหมือนกัน ใครจะไปเชื่อว่าคนอย่างผมวันหนึ่งจะสามารถไปสอนคนอื่นได้ หากเราจะสอนคนที่ล้มเหลวได้ดี ก็ต้องเคยเป็นคนที่เคยอยู่ในจุดนั้นรู้สึกและเคยล้มเหลวมาก่อน นึกย้อนไปเมื่อตอนครั้งยังอยู่มัธยมศึกษาปีที่ ๒ วัยกำลังหัวเลี้ยวหัวต่อ กำลังติดเพื่อน เพื่อนชักจูงไปทางไหนก็ไป ลุ่มหลงไปกับความเสี่ยงและความคึกคะนอง อะไรที่คิดว่าไม่ดีกลับกลายเป็นดี อะไรที่ทำแล้วคนอื่นด่าครูว่าหรือตี ยิ่งมากครั้งก็ยิ่งเหมือนตัวเองเก่งและดูเท่ในสายตาของเพื่อนๆด้วยกัน เพื่อนชวนให้โดดเรียนก็ไป ชวนไปมีเรื่องทะเลาะวิวาท ชวนให้ลองบุหรี่ ชวนให้ลองสิ่งเสพติดต่างๆก็ลองเพื่อที่จะได้การยอมรับจากเพื่อนๆในกลุ่ม จนมาถึงวันประกาศผลสอบปลายภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ เกรดออกมาปรากฏว่าติด
0 ๑๒ ตัว เกรดเฉลี่ย ๑.๘๗ ภาพนั้นยังคงติดเป็นตราบาปมาจนถึงทุกวันนี้ เป็นภาพของคนที่รักเรามากที่สุดคนนึงก็คือแม่ของเรายืนดูใบแสดงผลการเรียนโดยมีน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นส่วนประกอบของภาพในใจวันนั้น ในช่วงนั้นเสียงที่ได้ยินกลับมีแต่เสียงผู้คนมาถามแม่ว่าทำไมลูกเรียนยังไงถึงได้เกรดแบบนั้นหละ ณ เวลานั้นสภาพแวดล้อมภายในบ้านมันช่างดูหดหู่ และเงียบสงัดซะเหลือเกิน เสียงโทรทัศน์ที่เคยเปิดดังเวลาทานข้าวเย็นกลับเงียบหายไป ไม่มีบทสนทนาอะไรมากมายในแต่ละวันของคนในบ้าน เดินเข้าห้องนอนอันเงียบเหงา เงียบจนกระทั่งได้ยินเสียงของหัวใจตัวเองเต้น แล้วอยู่ๆในสมองอันว่างเปล่าก็คิดขึ้นว่า เราอยากจะหยุดเรียนแค่นี้หรือเราจะสู้ต่อเพื่อที่เราไม่อยากเห็นภาพแบบนั้นอีกแล้วในชีวิตนี้ ภาพที่แม่ยืนร้องไห้เสียใจกับความผิดของเรา ต่อมาจึงได้ตัดสินใจย้ายโรงเรียนจากพิษณุโลก มาเรียนอยู่ที่สุโขทัยในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ จนจบการศึกษาภาคบังคับ ได้เกรดเฉลี่ย ๒.๒๓ และได้เรียนต่อจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ได้เกรดเฉลี่ย ๒.๓๔ และได้เข้าเรียนมหาลัยต่อ จนเรียนจบปริญญาตรีได้เกรดเฉลี่ย
๒.๘๔ และเป็นวันที่ได้เห็นแม่ร้องไห้อีกครั้งแต่เป็นการร้องไห้ด้วยความยินดี ดีใจ เป็นน้ำตาพร้อมรอยยิ้มกลับกลายเป็นภาพที่ทับและลบเลือนภาพเก่าในครั้งเมื่อตอนม.๒ ให้ลับเลือนและจางหายไปจากหัวใจที่เป็นตราบาป ภาพภาพนั้นกลับเป็นการกระตุ้นให้เราเมื่อมาเป็นครูแล้วเมื่อเห็นนักเรียนที่ค่อนข้างเกเร และมีปัญหาก็จะเรียนมาถามและพูดให้ข้อคิด อย่างน้อยๆคนทุกคนก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายมาแต่กำเนิดแต่เป็นเพียงโอกาสที่เค้าได้รับมันมีมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง สิ่งที่ทำให้เป็นแบบนี้ก็เพราะแรงบันดาลใจที่ไม่ยอมแพ้ในวันที่เราท้อแท้และล้มลง และกำลังใจที่ได้ในตอนนี้ก็คือคำขอบคุณจากเหล่าลูกศิษย์ที่ได้บอกกลับมาว่าสิ่งที่เค้าทำมันได้สำเร็จลุล่วง หรือการที่เค้าเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ไม่ดีให้กลายเป็นดีได้ โดยที่เราไม่ได้ต้องการผลประโยชน์เพียงแค่ต้องการให้เค้าไปเป็นคนที่ดีในสังคมได้เท่านั้นพอ
"เกิดเป็นไก่ต้องชน เกิดเป็นคนต้องสู้" คนเราเกิดมาแล้วต้องสู้ ทำให้ถึงที่สุดจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ต้องทำก่อนก็เหมือนกับไก่ชนแม้จะเจ็บจะตายสู้ได้หรือไม่ได้ก็จะลองสู้ดูก่อน หากลองเปลี่ยนอะไรให้มันดีขึ้นทุกๆคนคงทำได้ขนาดคนอย่างผมเริ่มต้นจากศูนย์ยังจบตั้งเกือบสามเลย
น้ำหมึก ส.รุ่งรักษ์เจริญชัย