นิพาดาทราบข่าวว่าเพื่อนที่เรียนด้วยกันในกลุ่มสามคน พอจบแล้วก็แยกย้ายกันไปเรียนต่อบ้าง ทำงานบ้างตามที่แต่ละคนต้องการ เพื่อนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่อยู่ในครอบครัวของผู้มีอันจะกินอยู่แล้ว ขวัญหทัยพ่อแม่ส่งไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอก ชรัมพรเรียนต่อปริญญาโทในมหาวิทยาลัยเอกชนของเมืองไทย ส่วนกนกอรไปช่วยพ่อแม่ทำธุรกิจจำหน่ายเครื่องเขียนแบบเรียน ทุกคนล้วนล้วนมีความสุขตามเส้นทางของตนเอง ทั้งสามคนยังโทรติดต่อถามข่าวคราวนิพาดาอยู่เป็นประจำ
ส่วนธนกฤตเพื่อนผู้ชายในกลุ่มอีกคนก็ไปเป็นครูสอนในโรงเรียนเอกชน และชัชพงศ์เพื่อนของธนกฤต ที่มาคอยก้อร่อก้อติกนิพาดา เมื่อเรียนจบพ่อก็ให้มาช่วยบริหารบริษัทธุรกิจส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ แต่ด้วยนิสัยเพล์บอยของชัชพงศ์ จึงไม่ค่อยใส่ใจกับการทำงานอย่างจริงจัง ยังคงคบเพื่อนเที่ยวเตร่กันเป็นประจำ แม้พ่อแม่จะระอาลูกคนนี้ แต่ก็เป็นลูกชายคนเดียว จึงตามใจ ปรนเปรอเงินทองให้เขาใช้จนเคยตัว
ธนกฤตพอไปเป็นครูโรงเรียนเอกชน และเตรียมตัวไปเรียนต่อปริญญาโทนอกเวลา ก็พยายามห่างเหินกับชัชพงศ์เพราะรู้ดีว่าขืนคบไปก็รังแต่จะทำให้ชีวิตแย่ลง ชัชพงศ์จึงไปคบกับเพื่อนอีกกลุ่มที่ยอมตามใจเขาและมีนิสัยใกล้เคียงกัน โดยชัชพงศ์ก็ยังไม่ลืมที่จะแวะเวียนโทรศัพท์มาถามทุกข์สุขและเสนอตัวช่วยเหลือนิพาดาในเรื่องต่างๆอยู่บ่อยๆ ด้วยตอนนี้ชัชพงศ์ไม่มีเพื่อนที่จะเป็นสื่อกลางให้มีโอกาสใกล้ชิดนิพาดาได้อีกแล้ว จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนเองได้ใกล้ชิดนิพาดา
ชัชพงศ์พยายามสืบหาข้อมูลติดตามไปหานิพาดาจนถึงโรงเรียนคุณป้า มีช่อดอกไม้และขนมอย่างดีนำมาให้เธอบ่อยๆ นิพาดารู้สึกอึดอัดใจแต่จำต้องรับไว้ด้วยมารยาท และพยายามเลี่ยงหลบให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอเอาดอกไม้ที่ได้ไปให้นักเรียนจัดโต๊ะหมู่บูชาและขนมก็แจกนักเรียนทั้งหมด ชัชพงศ์ก็รู้ตัวว่านิพาดาพยายามเลี่ยงหลบตน เขาถือว่าด้านได้อายอด และยังมั่นใจว่า ด้วยฐานะที่ร่ำรวยของตน มีรถสปอร์ตหรูขับ คงจะทำให้นิพาดาใจอ่อนเข้าสักวัน
วันหนึ่งเกิดเหตุการณ์รถไฟชนกันเข้าอย่างจัง เมื่อชัชพงศ์มาเห็นธรรศอยู่กับนิพาดาในโรงเรียน กิเลสโทสะพุ่งปี๊ด เขาปรี่เข้าไปจะทำร้ายธรรศ เพื่อนๆชัชพงศ์คว้าแขนเขาไว้คนละข้าง เพราะเห็นว่าจะเสียเปรียบถ้าปล่อยให้มีเรื่องมีราวในสายตาของนักเรียนและมีนักการในโรงเรียนที่ยืนดูอยู่พร้อมที่จะเข้าไปขัดขวาง แต่ธรรศกลับนิ่งเฉยไม่แสดงอาการตกใจใดๆ มองดูกิริยาอาการโกรธของชัชพงศ์ด้วยความเวทนา ธรรศเห็นชัดเจนว่า คนที่มีโทสะเขาทุกข์กันเช่นนี้เอง แล้วเรียกสติเตือนตนเองว่าทำไมเราจะต้องไปตอบโต้ให้ทุกข์ไปกับเขาด้วย จิตที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างต่อเนื่องมีประโยชน์อย่างนี้เอง
ชัชพงศ์ยังคงพยายามสบัดมือและทำท่าฮึดฮัด พอดีคุณป้านุชจรีย์ได้ยินเสียงเอะอะ ด้วยความห่วงหลานสาว จึงเดินตรงเข้ามา ส่งเสียงดังนำหน้าขู่ไปก่อนว่า
"หยุดนะ เข้ามาทำอะไรในโรงเรียนฉัน" พร้อมกับตะโกนบอกนักการให้โทรเรียกตำรวจ เท่านั้นเองชัชพงศ์ก็หยุดความระห่ำ พอเพื่อนปล่อยมือก็ยังแสดงอาการฮึดฮัดอยู่ ชี้หน้าธรรศผรุสวาทก่อนถอยไปขึ้นรถ
" ไอ้ตี๋ ...มึงเจอกูแน่"
ป้านุชจรีย์หันมาทางหลานสาว ซึ่งยังตกตะลึงในเหตุการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน จิตที่เพิ่งฝึกมาใหม่ๆยังไม่สามารถควบคุมสติได้ดีพอ ป้านุชจรีย์บอกให้เด็กๆเข้าไปห้องเรียน แล้วเดินไปตบไหล่หลานสาวเบาๆพร้อมพูดกระเซ้า
"เสน่ห์แรงไม่เบานะหลานเรา" พร้อมหันไปทางธรรศที่ยังยืนสงบนิ่ง นิพาดายกมือไหว้คุณป้าพร้อมกล่าว
"ขอโทษค่ะคุณป้า" ตามด้วยประโยคขอร้อง
"อย่าบอกคุณแม่นะคะ" ป้านุชจนีย์ยิ้มแล้วพยักหน้ารับ จริงๆแล้วป้านุชจรีย์ไม่ได้โกรธหลานสาวหรอก แต่ภูมิใจเสียอีกที่หลานสาวมีเสน่ห์ และรู้ดีว่าเธอก็ไม่ได้มีทีท่ายั่วยวนผู้ชายแต่อย่างใด แต่ก็อดเตือนด้วยความห่วงใยไม่ได้
"ทีหลังจะคบใครก็ดูให้มันดีๆ" แล้วหันไปยิ้มให้ธรรศบอกเป็นนัยให้รู้ว่า
"ถ้าคนนี้ป้าโอเค"
ธรรศกล่าวขอโทษนิพาดาที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องวันนี้ นิพาดาก็ขอโทษธรรศเช่นกัน แล้วเล่าความจริงเกี่ยวกับชัชพงศ์ให้ธรรศวางใจ
หลังจากวันนั้นธรรศห่างหายไป ไม่มาหานิพาดาที่โรงเรียนอีก และไม่โทรติดต่อมาด้วย นิพาดารู้สึกเป็นห่วงและกังวลใจว่าธรรศอาจจะไม่มาหาเธออีกแล้ว สัปดาห์หนึ่งผ่านไปยังเงียบหายไป นิพาดาเลยตัดสินใจโทรเข้ามือถือธรรศ แต่คนรับสายกลับเป็นแม่ของธรรศ บอกว่าธรรศถูกรุมทำร้ายได้รับบาดเจ็บระหว่างเดินทางกลับบ้านเมื่อวานก่อน เพิ่งรู้สึกตัว ตอนนี้ยังนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล
นิพาดาตกใจมาก รีบเดินทางไปหาที่โรงพยาบาล เห็นธรรศยังนอนเข้าเฝือกมีแผลที่ต้องเย็บและใส่ผ้าพันแผลหลายแห่ง เธอโผเข้าไปจับมือแล้วร้องไห้ด้วยความสงสารอย่างจับใจ ธรรศลืมตาขึ้นยิ้มด้วยความดีใจที่เห็นเธอมาเยี่ยม ความเจ็บปวดมลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง นิพาดาถามระล่ำระลักว่า
"เกิดอะไรขึ้น ใครทำร้ายพี่ธรรศ"
จากที่แม่ธรรศและธรรศลำดับเหตุการณ์ให้ฟัง ผู้ที่ลอบทำร้ายธรรศก็คือชัชพงศ์และพรรคพวกราวห้าหกคน มาดักทำร้ายที่ซอยเปลี่ยวระหว่างเดินทางจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้าน ด้วยอาวุธทั้งมีดและไม้ แต่ธรรศก็ใช้ศิลปะแม่ไม้มวยไทยผสมมวยจีนที่พ่อเคยสอน ตอบโต้ให้ผู้ดักทำร้ายบาดเจ็บไปหลายคน แต่ธรรศก็ไม่อาจต้านทานพลังหมู่และอาวุธหนักๆได้ จึงถูกตีจนสลบไป พอดีมีคนรู้จักมาเจอเข้าจึงตะโกนให้คนช่วย และมีตำรวจสองนาย ตรวจพื้นที่ผ่านมาเจอพอดี จึงไล่ตามจับมาได้สองคน จากการสอบสวนจึงทราบว่าเป็นสมุนของชัชพงศ์ โดยชัชพงศ์นำมาเอง ชัชพงศ์ก็ได้รับบาดเจ็บระหว่างต่อสู้กับธรรศไปเหมือนกัน แต่ก็หนีไปได้ ตอนนี้ตำรวจกำลังตามตัวอยู่
พ่อธรรศที่เมืองจีนรู้ข่าวก็รีบบินมาดูธรรศ เลือดนักสู้เก่าพุ่งพล่าน เตรียมจะรวบรวมสมัครพรรคพวกชาวจีนในเมืองไทยที่มีเลือดนักเลงไปตอบโต้เล่นงานคืน แต่ธรรศกับแม่ห้ามไว้เกรงเรื่องจะไปกันใหญ่ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่า แค่นี้เขาก็หนีหัวซุกหัวซุนคงไม่กล้าย้อนมาทำร้ายอีกแล้ว แต่พ่อธรรศก็ยังไม่ยอมและสืบทราบว่าบริษัทพ่อของชัชพงศ์ทำธุรกิจค้าขายกับเมืองจีน และมีข้อมูลลับบอกว่า บริษัทนี้ทำธุรกิจไม่ค่อยสะอาดนัก พ่อธรรศก็อยู่ในแวดวงติดต่อซื้อขายสินค้าจากเมืองไทยด้วยและพอมีพรรคพวกที่อยู่ในวงราชการทั้งเมืองไทยและเมืองจีนพอสมควร จึงคิดเล่นงานตอบโต้ทางธุรกิจนี้แทน แม้ธรรศและแม่จะห้ามไว้ยังไงไม่อยากให้จองเวรจองกรรมต่อกัน พ่อธรรศก็ยังยืนกรานว่าต้องสั่งสอนเสียบ้างจะได้ไม่กร่างให้มากนัก ไม่เอาถึงตายหรอก ทุกคนจึงยอมจำนน ปล่อยเลยตามเลย พ่อธรรศเพิ่งกลับไปเมืองจีนเมื่อวานนี้เอง เพราะเห็นว่าธรรศปลอดภัยแล้ว
นิพาดารู้สึกผิดอย่างมากที่ตนเป็นต้นเหตุให้ธรรศเจ็บตัว เธอขอโทษธรรศและสัญญาว่าจะไม่เกรงใจและจะเลิกข้องเกี่ยวกับชัชพงศ์โดยเด็ดขาด
เมื่ออาการธรรศหายเป็นปกติ เธอได้พาธรรศไปแนะนำใหคุณพ่อคุณแม่รู้จัก หลังจากให้ข้อมูลเล่าเรื่องธรรศและชื่นชมเขาให้พ่อแม่ฟังล่วงหน้าแล้ว ระยะหลังพ่อแม่นิพาดาเห็นเธอปฏิบัติตนเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ก็วางใจในการตัดสินใจของเธอ ยิ่งได้เห็นธรรศตัวจริงที่มีกิริยาวาจาสุภาพเรียบร้อย บุคลิกดี ก็ยิ่งถูกชะตาและมั่นใจว่าลูกคงคบคนไม่ผิด
-----------------------------
คู่รักที่มีศีลตรงกัน ความรักนั้นก็จะยั่งยืน