รักที่หลุดพ้น (ตอนที่ 10 บ้านสวนเมืองนนท์ )


วรรณกรรมอิงธรรมะ เสริมสร้างศิลปะการดำเนินชีวิตที่มีความสุข…

      
        

    ธรรศ
ยังคงโทรศัพท์พูดคุยและแวะเวียนไปหานิพาดาที่โรงเรียนบ่อยๆ  บางครั้งก็ไปช่วยสอน ช่วยแนะนำกิจกรรม  ช่วยทำสื่อการสอน แล้วขึ้นรถเมล์ไปส่งเธอที่ซอยใกล้บ้าน  แต่ยังไม่กล้าไปบ้านเธอ เพราะไม่แน่ใจว่าครอบครัวเธอจะรับเขาได้ไหม เพราะถ้าพ่อแม่เธอรับเขาไม่ได้  อาจทำให้เขาและเธอต้องมีปัญหาในการคบกันต่อไปก็ได้  สู้เราเป็นพี่เป็นน้องเป็นเพื่อนที่รู้ใจเข้าใจกัน ช่วยเหลือกันเช่นนี้ต่อไปจะดีกว่า และตลอดเวลาธรรศก็ไม่เคยแสดงท่าทีหรือคำพูดอะไรที่มากไปกว่าการเป็นพี่เป็นเพื่อนที่ปรารถนาดีต่อเธอเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้นิพาดารับรู้ได้ จึงวางใจและอบอุ่นใจเมื่ออยู่ใกล้เขา และยังไม่เอ่ยปากพูดถึงเขาให้พ่อแม่เธอรับรู้ด้วย  ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อไปจะดีกว่า
วันหนึ่งธรรศเอ่ยปากชวนนิพาดาให้ชวนนิศมาและกรนุชไปเที่ยวบ้านสวนของเขาที่เมืองนนท์ในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้  นิพาดากับเพื่อนๆเคยได้ฟังเรื่องที่ธรรศเล่าถึงบ้านสวนก็อยากไปกันอยู่แล้วจึงตอบตกลง พอเธอโทรไปชวนเพื่อนๆก็ตกปากรับคำทันที  
        เมื่อถึงวันนัด ธรรศมารอทุกคนที่ท่าน้ำนนท์ตามนัด  พากันลงเรือข้ามฟากและพาไปขึ้นรถปิ๊กอัพเก่าๆที่ธรรศเอามาจอดรอรับทุกคนอีกฝั่งหนึ่ง  ธรรศขับรถพาทุกคนเข้าไปในซอยที่ผ่านบ้านจัดสรรซึ่งผุดขึ้นมาริมทางตลอดแนว  ที่ตอนนี้ทุกอำเภอในเมืองนนท์ก็เต็มไปด้วยบ้านจัดสรร ที่ดินมีราคาสูงลิบลิ่ว ชาวสวนพากันขายที่ดินกันหมด ทุเรียนที่ขึ้นชื่อของเมืองนนท์จึงเหลือเพียงชื่อ ที่พอมีขายกันบ้างก็ลูกละเป็นหมื่น ต้องจองที่ต้นกันเลย  ตามที่ธรรศเคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้  สมกับคำขวัญของเมืองนี้ที่ว่า
        “เมืองที่อยู่อาศัยชั้นดี”
      พอพ้นหมู่บ้านไปไม่ไกลนักก็มองเห็นกลุ่มต้นไม้เขียวขจีเป็นกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่ง แทรกอยู่ระหว่างหมู่บ้านจัดสรรในพื้นที่ไม่มากนัก ธรรศบอกทุกคนว่าถึงบ้านเขาแล้ว  เขาเลี้ยวรถพาทุกคนเข้าไปในบ้านหลังเล็กๆน่ารักๆหลังหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางสวนผลไม้หลายชนิดที่ปลูกอย่างละต้นสองต้น 
       ผู้หญิงวัยกลางคนหน้าตาสวยท่าทางใจดี ลงมาต้อนรับสามสาว  ธรรศแนะนำคุณแม่ให้ทุกคนรู้จัก  สามสาวยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ดูแม่ธรรศอายุยังไม่มาก จัดเป็นคนสวยแบบเรียบๆ ท่าทางใจดี  ท่านก็พาสามสาวขึ้นไปบนบ้านที่แม้จะแคบแต่ก็ดูสะอาด จัดได้เป็นสัดส่วนลงตัว  ธรรศพาทุกคนไปกราบคุณตา คุณยาย และน้าสาว ทุกท่านทักทายปราศรัย กล่าวต้อนรับอย่างมิตรไมตรี  ทำให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่นเหมือนกับเป็นญาติผู้ใหญ่ 
        ท่านจัดเตรียมอาหารกลางวันให้เราได้ทานกันอย่างเอร็จอร่อย ตามด้วยผลไม้ในสวน  คุณตาเปรยขึ้นมาว่าตอนนี้ไม่มีทุเรียนเมืองนนท์ให้ทานแล้ว  เมื่อก่อนมีแต่เมื่อสามปีที่แล้วน้ำท่วมตายหมด 
       ทานข้าวเสร็จธรรศชวนคณะไปเดินเที่ยวในสวน มีไม้พาดให้เดินข้ามระหว่างท้องร่อง  ธรรศแนะนำต้นไม้แต่ละชนิด เตรียมภาชนะใส่ผักผลไม้ให้สามสาวได้เก็บกันด้วย   ไม้ผลที่ปลูกก็มีอย่างละต้นสองต้น ที่กำลังออกผลห้อยระโยงระยางอยู่ก็มีขนุน มะม่วง กะท้อน มะนาว  ชมพู่  ฝรั่ง ถัดไปมีมังคุดอยู่สองต้นที่ยังไม่ออกผล และไม้ผลอื่นๆอีกหลายชนิด  ระหว่างไม้ผลจะมีต้นผักกินยอดอย่างละสองสามต้น  ที่ธรรศชี้ให้ดูและแนะนำให้รู้จักก็มีมันปู  มะตูมแขก มะกอก  ชะมวง   ริมแนวชายคลองปลูกไม้ดอกไม้ประดับเป็นแนวยาว ที่เห็นเด่นชัดคือต้นทองอุไรกำลังออกดอกเหลืองสะพรั่งเป็นแนวยาว และชบาหลากสีสัน  ในคลองแรกมีบัวหลายสีชูดอกและฝักเต็มคลอง  อีกคลองมีผักบุ้งและผักกะเฉดทอดยอดไสว  ถัดไปเป็นเขตแปลงผักสวนครัว ธรรศบอกว่าจะปลูกสลับกันไปตามช่วงฤดูกาล ที่เห็นตอนนี้ก็มีพริก มะเขือ กะเพรา โหระพา แมงลัก  ธรรศชี้ให้ทุกคนทายกันว่ามีผักอะไรบ้าง  มีอยู่ชนิดหนึ่งที่ต้นคล้ายผักชีแต่ไม่มีใครบอกได้ว่าต้นอะไร  ธรรศเฉลยว่าต้นจิงจูฉ่าย ผักสมุนไพรชั้นยอดที่เขานิยมใส่ในต้มเลือดหมู นิพาดาขอเก็บไปฝากคุณพ่อด้วย  ถัดไปก็มีฟักแฟง บวบ ออกลูกห้อยระย้าลงมาใต้ร้าน  มีร้านเล็กๆร้านหนึ่งปลูกตำลึงให้เลื้อยอยู่เต็มร้าน         
         พื้นที่ดูไม่มากแต่สามารถปลูกพืชผักผลไม้ ไม้ดอกไม้ประดับได้มากมาย และจัดพื้นที่การปลูกได้อย่างเป็นสัดส่วน  พืชทุกชนิดดูงอกงาม  ทั่วทั้งสวนดูโล่งเตียน สงบ ร่มรื่นเย็นสบาย น่าอยู่น่าเดินจริงๆ  ไม่มีวัชพืชขึ้นรกและแมลงศัตรูพืชรบกวน   แสดงว่าเจ้าของจะคอยดูแล ตัดแต่งใส่ปุ๋ยพรวนดินให้งดงามตลอดเวลา  ธรรศบอกว่าผลงานส่วนใหญ่มาจากคุณตา คุณยาย คุณน้าและคุณแม่ช่วยกัน  ธรรศจะมาช่วยอย่างเต็มที่ก็ในวันหยุดและตอนเย็นหลังเลิกงาน ทุกคนจะมีความสุขและใช้เวลากับการดูแลสวน เก็บพืชผลไปขายที่ตลาด และแจกจ่ายเพื่อนบ้านด้วย ธรรศบอกว่านี่ก็คือการปฏิบัติธรรมในชีวิตจริง  มีสติ รู้สึกตัว ผ่อนคลายและมีความสุขตลอดเวลา ธรรมะก็คือธรรมชาตินั่นเอง  ทุกคนอยากชื่นชมความงดงามของพืชพรรณต่างๆมากกว่าจะเด็ดหรือเก็บให้ความงดงามของสวนแห่งนี้ด้อยลงไป
       
        ธรรศพาคณะเดินไปที่เพิงเล็กๆมุงจากหลังหนึ่ง ทุกคนเดินเข้าไปข้างใน  เห็นถังเล็กถังน้อยหลายถังมีน้ำเข้มๆหลายสี  ส่งกลิ่นฉุนเตะจมูก  ธรรศแนะนำว่านี่คือน้ำหมักและปุ๋ยฮอร์โมนชีวภาพหลายชนิดที่เขากับตาช่วยกันทำใช้เองโดยที่สวนนี้ไม่ใช้สารเคมีใดใดเลย
       -------------------------------------
              
      

หมายเลขบันทึก: 649536เขียนเมื่อ 13 สิงหาคม 2018 11:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 สิงหาคม 2020 16:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท