คำว่า โรคทางจิตนี้อาจเรียกชื่อได้หลายอย่างเป็นโรคทางมโน หรือโรคทางวิญญาณก็ได้ โรคนี้มีเชื้อที่รู้สึกว่าเป็นตัวกูของกูแล้วมันแล่นไปตามอำนาจการเห็นแก่ตัวซึ่งชาวโลกล้วนเป็นโรคนี้กันทุกคนจะมากหรือน้อยแล้วแต่ละคน การเติมเชื้อโรคนี้ก็ง่ายมากคือเกิดจากการสัมผัสมีตาจะเอ๋กับรูปหูได้ยินเสียงจมูกได้ดมกลิ่นลิ้นได้รับรสกายถูกต้องสัมผัสใจได้รับรู้อารมณ์ ( อายตนะภายในกระทบอายตนะภายนอก ) เมื่อเกิดผัสสะหรือสัมผัสแล้วก็เกิดการยึดมั่นถือมั่นเร็วยิ่งกว่าสายฟ้าฟาดเปรี้ยงกลางหาว ที่ว่ายึดมั่นนี้ ( อุปาทาน ) คือยึดมั่นว่านี่ตัวกูนี่ของกู ดูภาษาบาลีว่า อัตตา, อัตนียา ในปรัชญาอินเดียว่า เกิดอหังการ มะมังการ นี่ละใครมีอัตตา อย่างนี้ถือว่าเกิดโรคทางจิตนี้แล้ว
ทีนี้คำสอนพุทธศาสนานั้นต้องการให้ชาวโลกพ้นจากบ่วงแห่งมารคือโรคทางจิตนี้หรือ ต้องการให้ว่างไปจากการยึดมั่นถือมั่นว่าตัวกูของกูนี่ละ ถ้าว่างได้อย่างนี้เขาจึงเรียกว่า นิพพาน เพราะมีพระบาลีว่า นิพพานัง ปะระมัง สุญญัง. คือมันว่างมันไม่เป็นโรคจิตนี้ละ
หากมีคำถามว่าแล้วอะไรละคือหัวใจของพุทธศาสนา คำตอบอาจพบว่า ไตรลักษณ์บ้าง อริยสัจจ์บ้าง โอวาทปาฏิโมกข์บ้าง แต่ผมชอบใจในคำตอบของท่านพุทธทาส ภิกขุ ที่กล่าวว่า...สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น.
นี่คือคำตอบด้วยการมีจิตว่างอย่างยิ่งนี้เองถือว่าเป็นหัวใจของพุทธศาสนา.
ไม่มีความเห็น