กรุงเทพมหานครมีชุมชนอยู่ในความรับผิดชอบมากถึง 2,067 ชุมชน กระจายอยู่ในทั้ง 50 เขต มากบ้างน้อยมากตามสัดส่วนของพื้นที่ แต่ละชุมชนจะมีปัญหาหลักๆ แตกต่างกันออกไป เช่น สิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ หรือระบบสาธารณูปโภค และมีชุมชนอีกไม่น้อยที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จำกัด ทำให้มีความแอดอัด ทั้งการอาศัยและการสัญจร
เช่นที่ชุมชนตรอกตรงข้ามวัดสะพานสูง เขตบางซื่อ ชาวชุมชนที่นี่ตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่เลียบคลองประปา ด้วยมีพื้นที่จำกัดจึงทำให้มีการรุกล้ำลำคลอง ขณะเดียวกันถนนหนทางภายในก็คับแคบ สวนทางกับปริมาณรถที่สัญจร ซึ่งถนนที่คับแคบนี้เองกลายเป็น “จุดเสี่ยง” ของคนในชุมชน
เมื่อชุมชนเห็นพ้องต้องกันว่าจุดเสี่ยงที่มีมากถึง 4 จุดด้วยกัน ทั้งยังมีการร้องเรียนจากผู้ใช้รถใช้ถนนอยู่เป็นประจำ กลายเป็นข้อพิพาทของคนในชุมชน จึงอยากแก้ปัญหา โดยได้ขอรับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อทำโครงการ “การจัดการจุดเสี่ยงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุในชุมชนตรอกตรงข้ามวัดสะพานสูง” นำมาซึ่งการแก้ปัญหาจุดเสี่ยงอย่างได้ผลและถาวร
สุทธิดา โกษจนาท ผู้รับชอบโครงการ เล่าถึงสภาพปัญหาจุดเสี่ยงทางถนนที่เป็นอันตรายในชุมชน ว่า ภายในชุมชนจะมีถนนสายหลักอยู่ 3 สาย คือถนนเลียงคลอบเข้าหมู่บ้าน ถนนหลักในหมู่บ้าน และถนนที่เป็นซอยเล็กขนาดแค่คนเดินและรถมอเตอร์ไซค์วิ่งได้เท่านั้น ยังไม่รวมถึงถนนสายใหญ่นอกหมู่บ้านที่เชื่อมต่อมายังทางเข้าหมู่บ้านอีก
ชุมชนอาศัยอยู่ค่อนข้างแออัด อาศัยอยู่ 97 ครัวเรือน เพราะมีพื้นที่จำกัด อย่างถนนสายหลักที่ใช้สัญจรกว้างแค่พอรถสวนกันได้เท่านั้น ไม่มีพื้นที่หรือไหล่ถนน เพราะถนนอยู่ติดบ้านคน หากมีรถจอดแช่ไว้ก็จะเหลือช่องสัญจรแค่ช่องเดียวก็จะทำให้รถติดยาว และเมื่อสำรวจแล้ว ก็พบว่า ภายในชุมชนมีจุดเสี่ยง 4 จุด ได้แก่ บริเวณช่วงหัวโค้งหน้าร้านสะดวกซื้อ, บริเวณสถานีสูบน้ำและหน้าโรงเรียน, สะพานข้ามคลอง และถนนทางเดินภายในชุมชนที่อนุญาตให้รถมอเตอร์ไซค์วิ่งได้ ซึ่งทั้งหมดถือเป็นปัญหาอย่างมาก โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน ตอนเช้าและเย็น
“คนใช้รถก็เดือดร้อน คนเดินก็เดือดร้อน เวลามีปัญหาก็หงุดหงิดฉุนเฉียวใส่กัน หนักจนถึงขึ้นมีการร้องเรียนไปที่สำนักงานเขตบางซื่อ ให้เข้ามาจัดการ โดยเฉพาะร้านค้าที่ขายของซึ่งถูกร้องเรียนมากที่สุด กลายเป็นข้อพิพาทของคนในชุมชนด้วยกันเอง” สุทธิดา กล่าว
กระทั่งชุมชนได้รู้จักกับ สสส. และขอรับสนับสนุนเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่คนในชุมชนได้หันหน้ามาคุยกัน และช่วยกันมองและพร้อมใจกันแก้ปัญหาร่วมกันอย่างเป็นระบบ
สุทธิดา แกนนำคนสำคัญคนเดิม กล่าวถึงการแก้ปัญหาหลังเข้าร่วมโครงการกับ สสส. ว่า เมื่อเราค้นพบจุดเสี่ยงทั้ง 4 จุดแล้ว ก็ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 10 คนเพื่อช่วยกันขับเคลื่อนงาน พร้อมทั้งออกประชาสัมพันธ์โครงการ และเรียกประชุมชาวชุมชนให้รับทราบปัญหา เพื่อช่วยกันระดมความเห็นในการแก้ปัญหาร่วมกัน โดยเราได้แก้ปัญหา คือ จุดแรกบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ได้ขอความร่วมมือกับวินมอเตอร์ไซค์ให้คอยช่วยดูช่วยโบกรถที่จะเข้าจะออกให้มี ขณะเดียวกันร้านค้า หน้าบ้านริมถนนก็ให้ขยับแผงร้านค้าหรือสิ่งของต่างๆ ไม่ให้กินพื้นที่ถนน ทำให้การสัญจรคล่องตัวขึ้น
จุดที่สอง ร้านค้าหน้าโรงเรียน ที่มีมากกว่า 20 ร้าน จะไม่ให้เขาขายของก็ไม่ได้ ตรงนี้เราก็เห็นใจคนซื้อ-คนขาย และคนใช้รถ จึงได้ขอความร่วมมือกับแม่ค้าในการช่วยจัดระเบียบไม่ให้ตั้งร้านค้าแบบถาวร ทุกร้านจะต้องทำเป็นรถเข็นเคลื่อนย้ายได้ และช่วยขยับร้านให้ชิดเปิดพื้นที่ถนนให้กว้างมากขึ้น ไม่อนุญาตให้กางร่มกินพื้นที่ ขณะเดียวกันยังได้กำหนดช่วงเวลาที่ขายได้ คือช่วงเช้า 04.00-11.00 น. และช่วงบ่าย 14.00-22.00 น. เมื่อขายเสร็จแล้วก็เก็บกวาดอย่างสะอาด พร้อมทั้งเก็บข้าวของออกจากพื้นที่ให้หมด
จุดที่สามสะพานข้ามคลอง เบื้องต้นได้ขอความอนุเคราะห์จาก สน.บางซื่อ ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยโบกรถให้ในชั่วโมงเร่งด่วน และได้ทำเรื่องไปยังสำนักงานเขตบางซื่อเพื่อขอติดตั้งสัญญาณไฟจราจร เพื่อบรรเทาความเดือนร้อน ซึ่งกำลังดำเนินเรื่องอยู่ในขณะนี้ และจุดที่สี่ถนนตรอกในชุมชน มีการติดป้ายประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถและคนเดินระมัดระวังมากขึ้น และขอความร่วมมือไม่ขับรถเร็ว
“เมื่อทุกคนร่วมมือกัน ช่วยกันดู ช่วยกันโบก ช่วยกันปฏิบัติตามกฎ และที่สำคัญ มีไมตรีเอื้ออารีย์ต่อกัน ปัญหาก็จะหมดไป ขอเพียงทุกคนร่วมใจกันก็พอ” ผู้รับผิดชอบโครงการ กล่าว
อุษา ร่วมเจริญ ตัวแทนแม่ค้า กล่าวว่า บริเวณที่มีการร้องเรียนมากที่สุด คือ หน้าโรงเรียนที่มีร้านค้าตั้งขายของอยู่ ซึ่งช่วงเช้ามีไม่ต่ำกว่า 20 ร้าน และช่วงเย็นกว่า 30 ร้าน เวลาคนมาซื้อของบางครั้งขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดซื้อของทำให้รถคันที่ตามมาต้องจอดรอ รถก็ติดยาว ไหนจะต้องระวังคนยืนซื้อของ คนข้ามถนนอีก เราจึงมาช่วยกันแก้ปัญหา ในส่วนของร้านค้าก็จัดระเบียบพื้นที่กันเอง ส่วนของผู้ซื้อ เราก็บังคับว่า ถ้าจะมาซื้อของก็ให้จอดรถไว้ข้างนอก ไม่ให้มาจอดซื้อได้เหมือนแต่ก่อน ซึ่งทุกคนก็ทำตามเป็นอย่างดี ก็เห็นว่าปัญหาเบาบางลงไป
ด้าน พ.ท.สิทธิชัย แสงพันธุ์ หน่วยจัดการร่วม สสส.ระดับพื้นที่ (NODE) กล่าวถึงการดำเนินงานของชุมชนแห่งนี้ ว่า สสส. ได้อนุมัติโครงการให้กับชุมชนตรอกวัดสะพานสูงในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาจัดเสี่ยงภายในชุมชน แม้จะเป็นงบประมาณที่ไม่มากนัก แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของชุมชนได้หันหน้ามาคุยกัน ได้ช่วยกันสำรวจปัญหาและหาทางออกร่วมกัน นี่คือผลลัพธ์ ไม่ว่าเขาจะรวมตัวได้มากหรือน้อย ไม่ว่ากัน ขอแค่ให้เขาได้ร่วมกลุ่มได้ระดมความเห็นร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาร่วมกันก็ถือว่าประสบผลสำเร็จแล้ว
ปัญหาจาการสัญจรของชาวชุมชนตรอกวัดสะพานสูง ได้รับการแก้ปัญหาสำเร็จได้ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันของชุมชน แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เหนือสิ่งอื่นใด นี่คือจุดเริ่มต้นของการหันหน้ามาคุยกันของคนในชุมชน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการความร่วมมือในด้านอื่นๆ อีกในอนาคต
ไม่มีความเห็น