เที่ยวกระบี่ ๒๕๖๑


“เหี้ย เหี้ยจริงๆ” 

ผมบอกลูกสาวทั้งคู่ของผม เมื่อเราเดินมาตามทางในโรงแรมแล้วพบ “เหี้ย” กำลังนอนอาบแดดอยู่

เราหยุด 

อันที่จริงผมก็ออกจะรู้สึกหวั่นๆเล็กน้อย เพราะไม่เคยเจอเหี้ยนอนขวางทางเดินอยู่แบบนี้ ในใจก็เกรงว่ามันอาจจะเป็นญาติของเหี้ยจำพวก “เห่าช้าง” ที่หากมันกัดเราเข้า ความตายก็อาจจะอยู่ใกล้เพียงปลายจมูกเลยทีเดียว

ผมเคยเจอเห่าช้างครั้งแรกตอนเรียนอยู่ชั้น ม.๔ ช่วงเวลาที่เพื่อนๆในห้องมาเที่ยวอ่าวนาง เข้าถ้ำพระนาง และเราก็เจอตัวเห่าช้างสีดำตัวเขื่องเกาะที่ผนังถ้ำด้านหนึ่ง อาจารย์ที่พาพวกเรามาจึงตัดสินใจไม่ให้เราเข้าถ้ำในคราวนั้น เพราะแกก็คงกลัวติดคุกจากการที่พาลูกศิษย์มาตายคาถ้ำ

........................

เมื่อปี ๒๕๔๘ เรา ๓ คน ผม จิ๋ม แป้ง มานอนที่นี่ “เชอร์ราตัน” หาดคลองม่วง จิ๋มมาประชุม และเธอกำลังท้องน้องจ้าอยู่ ความทรงจำในคราวกระนั้นคือ “แป้ง” ลูกสาวคนโปรดมันกำลังน่ารัก ช่างพูดช่างจา “พ่อจ๋า พ่อจ๋า” ตลอดเวลา เราลงทะเล เราลงสระน้ำ เราเปิดน้ำใส่อ่างน้ำในห้องพัก ใส่สบู่แล้วตีฟองจนฟูฟ่อง แล้วลงไปแช่น้ำ 

ผมยังคงจำทางเดินของโรงแรมที่ถูกขนาบด้วยป่าย่อมๆ เสียงจั๊กจั่นเซ็งแซ่ ผมยังจำเปลขนาดใหญ่ที่จับลูกลงไปนอนเพื่อถ่ายรูป นั่นคือความทรงจำที่ดีเหลือเกิน

“พ่อจ๋า ไปเที่ยวกระบี่มั้ย แม่มีประชุมที่โรงแรมดุสิต” พ่อจ๋าเหมือนกัน แต่พ่อจ๋ารอบนี้คือเสียงของเมีย

“ไปสิ แล้วกระบี่มีโรงแรมดุสิตด้วยเหรอ” ผมสงสัย

“เชอร์ราตันเก่านั่นแหละ ไปนะ”

คราวนี้ เราจึงมากัน ๔ คน (ไม่มีใครติดอยู่ในท้องใครด้วยหรอกนะ)

ผมยังคงชอบบรรยากาศของที่นี่ ทางเดินเหมือนเดิม แต่ถูกปูด้วยวัสดุไม่เหมือนเดิม ป่าข้างทางเดินยังคงสมบูรณ์ มีร่องรอยของน้ำขึ้นน้ำลง มีปาล์มเจ้าเมืองถลาง ปาล์มเจ้าเมืองตรัง ปาล์มกะพ้อ และโกงกาง

ระบบจัดการน้ำเสียถูกบำบัดโดยใช้ระบบต้นไม้ มันมีลักษณะนิเวศน์คล้ายในป่าโกงกาง น้ำที่ผ่านการบำบัดของโรงแรมส่วนหนึ่งจะถูกระบายมาสู่แอ่งน้ำที่มีต้นไม้น้ำมากมายโดยเฉพาะต้นคล้า และโกงกาง มันน่าจะถูกบำบัดด้วยธรรมชาติในตอนนี้ ซึ่งเป็นตอนที่น้ำทะเลกำลังลง ในน้ำมีปลา มีเป็ด และมีนกยางเปียเดินหาปลากินอยู่ และเมื่อถึงเวลาที่น้ำทะเลขึ้นสูง มันก็จะล้นเข้ามาในบริเวณนี้ เจือจางน้ำที่ขังอยู่ก่อนแล้วพามันกลับลงทะเลด้วยกันเมื่อถึงเวลาน้ำลง และเท่าที่ผมยืนดูนั้น การเจือจางก็ไม่ได้เกิดขึ้นแบบฮวบฮาบ น้ำทะเลที่ไหลออกไปก็ใสสะอาดและไม่มีกลิ่น (เรื่องน้ำที่เล่ามาหนึ่งย่อหน้านี้ ผมคิดเอง เออเองนะครับ อย่าเชื่อศิลปินเสียทั้งหมด)

ในวันกลับบ้าน ผมยังได้มีโอกาสนัดกับคุณหมอเท็น ลูกศิษย์ที่สนิทกันมาตั้งแต่เธออยู่ชั้นปี ๑ เธอพาครอบครัวเราไปกินข้าวเที่ยงที่ร้าน “เรือนไม้” ร้านที่ผมคิดว่า ใครมากระบี่ ต้องมากิน

“อาจารย์คงมีลูกศิษย์ทั่วประเทศไทยกระมังครับ” ลูกศิษย์คนหนึ่งพูดไว้ในห้องอาหารมื้อเช้า

“เออ เป็นครูมันก็ดีตรงนี้แหละ” ผมเออออตอบและนึกไปว่า ผมสามารถนัดลูกศิษย์ที่ไหนให้พาไปกินข้าวได้บ้าง 

โอ้โหถ้าเป็นภาคใต้ก็มี ๑๔ จังหวัด กรุงเทพฯนี่ไม่ต้องพูดถึง ภาคเหนือยังมีเลย เชียงใหม่ พิษณุโลก (เหนือมั้ย) เชียงราย ภาคอีสาน โคราช ขอนแก่น ไหนจะมาทางตะวันออก ตราด จันทบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ชลบุรี 

โห...

....................

วันนี้ผมเปิดร้านในช่วงเย็นตามปกติ

“อาจารย์ วันนี้มีคนมาขอซื้อยาทำแท้งที่ร้านหนูด้วยแหละ” เธอ ผู้ซึ่งเป็นคนรู้จักมาฉีดยาคุมกำเนิด เธอเป็นเจ้าของร้านขายยาเล็กๆกลางเมืองหาดใหญ่

“เค้าเป็นผู้ชายวัยประมาณอาจารย์ เดินมาบอกว่าลูกสาวเขาท้อง และครอบครัวยังไม่พร้อม” เธอยังคงเล่ามาอย่างต่อเนื่อง

“หนูว่าเค้าน่าจะเปิดหาอ่านในเน็ตมาบ้าง เห็นเค้าบอกหนูว่า ที่ถนนสุขุมวิทซอยอะไรสักซอยก็มีบริการ แต่เค้าไม่มีกำลังพอที่จะขึ้นไปกรุงเทพฯ” เธอกำลังบอกว่า ฐานะทางบ้านของชายคนนั้นน่าจะไม่ค่อยดีนัก

“อาจารย์ เค้าบอกว่าผู้ชายมันทิ้งไปเลย และลูกสาวกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยปีนี้ เค้าอยากให้ลูกเรียนหนังสือ แล้วเค้าก็เงียบและน้ำตาซึม” คราวนี้คนเล่าก็ทำตาละห้อยตามไปด้วย

“แล้วเธอว่าไงล่ะ” เป็นคราวที่ผมจะได้พูดบ้าง

“หนูก็บอกไปว่าที่ร้านไม่มียาค่ะ แล้วหนูก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเค้าดี มันน่าเศร้ามากเลยนะอาจารย์” ผมกำลังเดาว่า คนเล่านั้นคงจะมีอาการอกตรมด้วยความสงสารชายคนนั้น 

“คนมีลูกจะเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ดี” ผมนึกในใจ ไม่ได้พูดออกไปให้แม่ลูกสองคนนี้ต้องสะเทือนใจไปมากกว่านี้ เพราะผมเองเมื่อได้ยินเรื่องแบบนี้ เสียงร้องเรียก “พ่อจ๋า พ่อจ๋า” มันก็เข้ามากระทบจิตได้เสียทุกที

“ทีหลัง เวลามีคนมาแบบนี้ เธอให้เขาโทรปรึกษาสายด่วน ๑๖๖๓ นะ เค้าสามารถให้คำปรึกษาและหาที่ทำแท้งให้ได้ ว่าแต่ทำไมเธอไม่ส่งมาให้ฉันดูแลล่ะ” ผมหยอดแกมประชดประชัน

“ก็หนูรู้ดีว่าอาจารย์กำลังมีปัญหาอยู่นี่นา” เธอยิ้มออกมาแบบแหยๆ แต่ในใจผมลุกโชน ผมหลับตานึกถึงภาพที่ประชุมในวันนั้น วันที่ทุกคนต่างบอกผมว่า ไม่อยากให้โรงพยาบาลผมทำแท้ง มันเสียชื่อเสียง เคสทำแท้งมันจะหลั่งไหลเข้าโรงพยาบาลมากมาย ฯลฯ

“พี่คิดว่า พี่ไม่พร้อมนะคะ” คือคำตอบจากเธอเหล่านั้นทุกคน

“ผมยอมแพ้” แล้วผมก็เดินออกจากที่ประชุมอันทรงเกียรติแห่งนั้น

ผมเรียกตัวเองออกมาจากความคิดฟุ้งซ่าน และพลัน ผมก็เหลือบเห็นชื่อคนไข้คนต่อไปที่จะต้องเจอ ผมสะดุดกับนามสกุลของเธอ

“เอ๊ะ ทำไมเธอนามสกุลนี้ล่ะ ฉันน่าจะรู้จัก...” ผมถามเธอออกไป และนานเพียงอึดใจหนึ่งเธอก็ตอบ

“แม่หนูเองค่ะ” นั่นไง....ผมน่าจะซื้อล็อตเตอร์รี่ถูกรางวัลบ้างสิน่า

“หมอคะ หนูท้อง”

.............................

จะว่าไป การตามเมียไปเที่ยวกระบี่ในครั้งนี้ผมมีความสุข วันๆไม่ต้องทำอะไรมาก นอกจากตื่นไปวิ่งตอนเช้า วิ่งลงทะเลคนเดียว (เพราะเมียต้องประชุม ส่วนลูกทั้งคู่เริ่มขี้เกียจ มันเป็นสาวแล้ว) ว่ายน้ำในสระ เล่นกับลูกของลูกศิษย์ที่ผมเองก็ไม่รู้จะใช้สรรพนามเรียกตัวเองว่ากระไรดี “ตาแป๊ะ” “ลุงแป๊ะ” และท้ายที่สุดก็ให้เด็กๆเรียกผมว่า “พี่แป๊ะ” แทน ส่วนกิจกรรมเพื่อความสุนทรีย์ก็มีเพียงกินข้าว ดื่มกาแฟ ดื่มเบียร์ และนั่งฟังเสียงจั๊กจั่น

ผมเดินทอดน่องตามทางเดินที่ทอดยาวไปตามราวป่าโกงกางของโรงแรม สะดุดตากับสิ่งที่เคลื่อนไหวบนผิวน้ำที่กำลังถูกบำบัด

เหี้ยตัวนั้น มันว่ายน้ำชูคอลอยเอื่อยเฉื่อย มันดูสบาย ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ท่ามันดูผยอง ผมหัวเราะเบาๆ “มันคงนึกว่า มันเป็นจระเข้กระมัง”

“เหี้ยเอ๊ย”

ธนพันธ์ ชูบุญขำเหี้ย

๑๖ พค ๖๑ 

(เพิ่งกลับจากเที่ยวกระบี่เมื่อ ๑๒ ถึง ๑๔)

หมายเลขบันทึก: 647376เขียนเมื่อ 18 พฤษภาคม 2018 14:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม 2018 14:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท