วันนี้ขณะเดินอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่แห่งหนึ่งพลันเหลียวไปเห็นฝูงหมาป่าตัวสีดำกำลังวิ่งตรงมาพร้อมแยกเขี้ยวใส่ขู่ด้วย ผมจึงใช้มือยกขึ้นห้ามมันพร้อมร้องตะหวาดออกไปเสียงดัง...ฝูงหมาป่าแตกกระจายสลายไป โอ๊ะ...เราฝันไปรึนี่เมื่อรู้สึกตัวคู่ชีวิตผมเธอบอกว่า...ร้องออกมาเสียงดังได้ยินจนตื่นเหมือนกัน...ในภาคที่ตื่นแล้วปรับอารมณ์ด้วยการท่องบทสวดพุทธมนต์ที่ยังจำได้ เมื่อมีเวลาเลยทบทวนความฝันนั้นดู ด้วยทุกสิ่งล้วนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตกอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์ซึ่งเป็นเช่นนั้นเอง
ทีนี้มีผู้ถามความเห็นเรื่องอนัตตา ในความเห็นของผมตอนนี้อาจจะผิดก็ได้นะครับ ผมแบ่ง อนัตตา ออกเป็น 2 อย่างคือ อนัตตาหยาบกับอนัตตาละเอียด
1.อนัตตาหยาบ เปรียบเหมือนร่างกายคนเราย่อมเสื่อมสลายไปตามเวลามันเกิดขึ้นดำรงอยู่และเสื่อมสลายไปอย่างนี้ ด้วยทุกสิ่งไม่ยั้งยืนถาวร 2.อนัตตาละเอียด เปรียบเหมือนจิตวิญญาณคนเราที่ยังมีความโลภมีโกรธมีหลงที่ไหลไปเป็นกระแสธารตราบใดที่จิตวิญญาณคนเรายังคงเปลี่ยนแปลงไปอยู่อย่างนี้ ตราบนั้นก็ยังคงอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์เพียงแต่ละเอียดมาก ๆ เพราะเป็นนามธรรมจนกว่าจิตวิญญาณคนเรานี้จะพ้นโลกอยู่เหนือโลกดุจดังจิตพระอรหันต์แล้วเมื่อนั้น ผมจะไม่เรียกว่าอนัตตา เพราะหลุดพ้นไปจากกฎแห่งการเปลี่ยนแปลงคืออยู่นอกกรอบของการเคลื่อนไหวใด ๆ แล้วนั้นแล.
เป็นธรรมะ ธรรมชาติดีครับ คุณ ยายธี
ขอบคุณครับ