การศึกษาล้ม นักเรียนไร้คุณภาพจากวิสัยทัศน์ เพียงเพื่อปกป้องสถานะอาชีพของตน (กำหนดมาตราฐานวิสัยทัศน์แคบ)


บทความนี้เป็นบนความความคิดส่วนบุคคล สืบเนื่องมาจากการกีดกันทางการศึกษา จากผู้ที่มีอำนาจด้านการศึกษา บนหอคอยงาช้าง

กล่าวถึงเมื่อ 10+ ปีที่แล้ว ลูกผมอายุได้เพียง 4 ขวบ ผมหาโรงเรียนเตรียมความพร้อมให้ลูกผม ไม่พบกับสถานที่ ที่ดีมากสำหรับลูกของผม รับสอนภายใต้หลักสูตรการเรียนการสอน น่าจะคงอยู่หากแต่อาจปิดไปแล้ว

ขออนุญาตกล่าวนามสถานที่นั้น คือ ราชมงคล วิยาเขตพระนครใต้ สมัยนั้นผมยังคงสถานะอาจารย์ ลูกหญิง ได้มีโอกาสเข้า ไปเรียนเตรียมฯ ที่นั้น ที่นี้มีการจัดหลักสูตร ปวช. ประถมวัย(นานแล้วชื่อเต็มของหลักสูตรผมจำไม่ได้แล้ว) ผมเรียนจบเพียงวุฒิ ปวช.

**** ดีตรงไหน.....ที่นั้นได้มีการรับ เด็กเข้าไปเตรียมความพร้อม โดยให้ นักศึกษา(หลักสูตรประถมวัย) เข้าไปประกบเด็กหญิงที่รับเข้ามาเป็นรายบุคคล กล่าวคือ นศ. 1 คนต่อเด็กที่เข้าไปเรียน 1 คน โดยจัดเป็นรายวิชาเหมือนเป็นงานวิจัยเล็กๆ ให้ นศ. สังเกต พฤติกรรม จดบันทึก ดูแล เด็กๆ อย่างใกล้ชิด ว่าง่ายๆ เป็นพี่เลี้ยงเด็ก เพื่อฝึกประสบการณ์จริง ผลที่ได้ก็คือ ลูกผมได้ความรู้ได้ประสบการณ์ ดูแลตัวเอง สามารถช่วยเหลือตัวเอง ขับ/ถ่าย/ทานอาหาร สุขภาพจิตก็ดี จากการดูแล นศ. ส่วน นศ.ได้ประสบการณ์จริง ได้ดูแล ได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า(เด็กเยาะหลายสิบคน ต่างทิศ/ต่างทาง/ต่างสถานที่ มารวมกัน มีความแตกต่างกัน มีหลากหลาย) ได้รวบรวมประสบการณ์ของ นศ. ทุกคน แล้วมาทำรายงานสรุป แบ่งปัน แลกเปลี่ยน ความคิดเห็น ปรึกษา และช่วยกันแก้ปัญหา กันในชั้นเรียน ของ นศ. ผมเห็นว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

แต่พอครั้นมาเวลานี้ ปัจจุบันผมได้ไปพบปะเพื่อนเก่าๆ ได้พบกับ นศ. ได้พูดคุยกับนักศึกษาปัจจุบัน  ถามถึงการเรียนการสอน พูดคุยเรื่อยเปื่อย จนพบวาระบบการศึกษาไทยกำลังพัง ตอนแรกผมว่าจะไม่เขียน แต่สุดท้ายก็ทนไม่ได้ และสิ่งที่ผมพบก็คือที่มาของบทความที่น่าเบื่อนี้นั้นเอง

อย่างไรหรือ ที่ว่าระบบการเรียนรู้พัง เริ่มต้นจากทัศนคติที่นักวิชาการหอคอยงาช้างกำหนด อาจทำเป็นปกป้องตัวเองหรือทำเพื่อการศึกษาจริงๆ ก็ไม่ทราบได้ นั้นคือ เริ่มต้นคุณสมบัติของอาจารย์ผู้สอนนั้นเอง สอน ป.ตรี ต้องจบโท สอน ป.โท ต้องจบเอก ต้องเป็น ผศ. รศ. อะไรประมาณนั้น สำหรับผมแล้วใครออกกฎนี้วิศัยทัศน์....

กล่าวคือ ผมได้พูดคุยกับ นศ. หลายเรื่อง แต่ขอยกตัวอย่างเป็นบางส่วน(เยาะ) เช่น วิชาวัสดุช่าง ถาม นศ. ไม่รู้อะไรเลย พอดีได้เจอคนทำหลักสูตร เขาก็เลยแนะนำให้รู้จักคนสอน เป็นอาจารย์ผู้หญิง.... แค่ว่าจบ โท. อุตสาหการ ก็สอนได้ ตามกฎหอคอยงาช้าง ผมถามถึงหลักสูตรรายวิชาสอนอะไรบ้าง ก็เลยถามเกี่ยวกับงานสอนนั้น ปรากฏว่าน๊อตยังไม่รู้จักเลย วัสดุ ไหนใช้ทำอะไร คุณสมบัติของน้ำมันกี่แบบ ว่าง่ายๆ ไม่เคยเห็นของจริง ไม่เคยเข้าโรงงาน ไม่มีประสบกาณ์ในโรงงาน แต่กับสอนวิชานี้ เพียงแค่ จบ ป.โท ก็สอนได้ ถามไปถามมา มี อาจารย์สอน โรงฝึกงาน(ฝึกฝีมือ ประมาณ ตะไบ/เจาะ/ตี/ทุบ/เชื่อมโลหะ) กลับว่า อาจารย์เอง ตะไบมีกี่ชนิด ใช้กับเหล็ก ใช้กับไม้ การจับชิ้นงาน หน่วยวัด การใช้เครื่องมือวัด ไม่มีทักษะ ที่แสดงให้ผมเห็นเลยว่า จะรู้เรื่องพอที่จะสอนวิชานี้ได้.......

ทำให้ผมตระหนักถึงว่า การกำหนดคุณสมบัติ ดังกล่าวอาจทำให้ระบบการเรียนรู้ของ การศึกษาอาจพังได้......ทำไมหรือครับ ครู/อาจารย์ที่สอนโรงฝึกงาน จบ ปวช.ก็น่าจะสอนได้น่ะครับ...หากท่านนั้นมีความเชียวชาญพอ ต้องจบ ป.โท/เอก ด้วยหรือ ?

ทำไมนักวิชาการหอคอยงาช้างถึงได้กำหนดคุณสมบัติ ครู/อาจารย์ เช่นนี้ คนที่จบ ป.โท/เอก จะสอนได้ทุกวิชางั้นหรือ.......

ล่าสุด ม. รับอาจารย์ ปากก็บอกหาไม่ได้ ต้องการอาจารย์สอน ป.ตรี/โท ต้องจบ ป.เอก เท่านั้น จริงๆ ไม่ได้หาไม่ได้ แต่คุณกำหนดคุณสมบัติหอคอยงาช้างน่ะแหละ ทำไมหรือครับ ถ้าต้องการครู/อาจารย์สอนเรื่อง วิชาไฟฟ้าทั่วไป (อาจไม่ใช้วิชาหลัก หรือสอนในผู้เรียนในสาขาอื่น) จะใช้ ปวส./ปวช. หรือ อาจแค่ ป.4 แต่ทำงานมานานแล้ว สอนไม่ได้หรือครับ ประสิทธิผลอยู่ที่ไหนครับ

ล่าสุดมีอาจารย์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้บอกกล่าวหาคนสอนวิชา อิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น ให้ ป.ตรี วิศวฯไฟฟ้า (ไม่กำหนดวุฒิ) ทาบทามผม ผมบอกได้เลยว่าผมสอนได้ และใช้ฐานความรู้ ปวช. เท่านั้น กล่าวแต่ทำไมต้องผม เพียงแค่ อาจารย์ที่รู้จักผมเคยเห็นผมทำงาน และรู้ว่าผมเชียวชาญเรื่องนี้เท่านั้นเอง โดยไม่ทราบด้วย ว่าผมจบอะไร

กล่าวสรุป คือ การกำหนดวุฒิ ของอาจารย์ผู้สอนนั้น ถ้ายังคงเป็นปัจจุบัน ระบบการเรียนรู้จะพัง ควรกำหนดคุณสมบัติของ การรับสมัคร ครู/อาจารย์ จากความเชียวชาญ หรือวิชาที่เรียนมา ไม่ได้กำหนดจากคุณสมบัติโดยตั้งเพดานไว้ ว่าต้องจบ ป.โท ถึงสอน ป.ตรี ได้ ต้องจบ ป.เอก ถึงสอน ป.โท ได้ มหาวิทยาลัยควรมีอาจารย์ในหลายๆ ระดับ คะเค้าหลากหลายกัน ขึ้นกับความเชียวชาญของ ครู/อาจารย์ ผมสงสาร ครู/อาจารย์ ที่ถูกบังคับให้ไป ต่อ ป.โท/ป.เอก เพียงแค่การที่หน่วยงาน นักวิชาการผู้บริหารที่มีอำนาจกำหนดนโยบาย สร้าง กฎ ระเบียบ วัฒนธรรมองค์การกีดกัน (ผู้บริหารหอคอยงาช้าง) ถ้าต้องการครู/อาจารย์สอน คอมพิวเตอร์ เบื้องต้น แค่ ปวช. ปวส. หรือ ครูที่สอนตามที่สารพัดช่าง ตามโรงเรียน ประถม ก็สอนได้แล้วครับ จำเป็นด้วยหรือครับต้องรับ ป.โท ป.เอก บังคับให้ ครู/อาจารย์ในสังกัด ไปเรียนต่อ เป็น ป.โท/ป.เอก ใช้อะไรมาคิดครับ.......ผมว่านั้นน่ะ

อนึ่ง จากย่อหน้าที่เกี่ยวกับลูกหญิง ของผมที่เข้าเรียน เตรียมความพร้อม/อนุบาล น่ะครับ ที่ผมกล่าวถึง เพราะว่า โรงเรียนที่สอนอนุบาล/เตรียมอนุบาล จะเป็นต้องกำหนดด้วยหรือต้องจบ ป.ตรี ผมว่าแค่คนสมัคร เคยมีลูกมาแล้ว 3 คนขึ้นไปก็และลูกโตอายุกว่า 10 ปี น่าจะมาเป็น ครู หรือบุคคากรสอนในโรงเรียน อนุบาลได้แล้วน่ะ..........จริงไม๋ครับ

ใครๆ บอกว่า เดียวนี้ ป.ตรี เยาะแยะ เยาะจริงครับ แต่ มีความรู้ความสามารถแค่ไหนต่างหากที่ผมคำนึงถึง.....คนเก็บขยะ อาจได้มาสอนวิชาคัดแยกขยะ..........เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ก็ได้..........ฮิๆๆ

ล่าสุดผมได้ไปเรียนการงานหล่อ เรสิ้น การปั้นแบบขี้ผึ้ง การทำแบบเบ้าต่างๆ อาจารย์ที่สอนบอกผมว่าตอนนี้จบโท ก็เข้าไม่ได้ มหาวิทยาลัยไม่ได้แล้ว ต้อง ดร. เค้าคงไม่เข้าแน่น เพราะอะไร เขาเชียวชาญงานหล่อ งานปั้น ระดับโลก แต่ต้องไปสอบ โทอิก ก่อนถึงได้เป็นอาจารย์ ท่านบอกว่าทำไมเขาต้องได้ โทอิก ด้วย ด้านศิลป ก็มีภาษาทางศิลป เดิมเขาไปร่วมงานกับนักศิลปญี่ปุ่น หรือต่างประเทศ มากมาย ก็ไม่เห็นต้องใช้ภาษาอังกฤษเลย ใช้ความรู้ทางศิลปเท่านั้น กรณีญี่ปุ่น เวลาคุยกัน ติดต่อกัน ทางญี่ปุ่นเขาก็จ้างลามมาแปล ก็แค่นั้น งั้นคนที่เรียนภาษาโดยเฉพาะคงต้องตกงานถ้าทุกคนเป็นภาษาอังกฤษ แล้วตอนนี้ทางสายงานเขากำลังก่อหวอด ให้ไม่ต้องไปสอบ โทอิ แล้วให้ใช้ผลงานเชิงประจักษ์แทน ให้รีบเก็บรวบรวมผลงาน ทั้งในและต่างประเทศ ทำเป็น พอร์ตโฟลิโอ เตรียมไว้ ถ้าก่อหวอดทำสำเร็จก็เสนอผลงานได้เลย.........

หมายเลขบันทึก: 646768เขียนเมื่อ 27 เมษายน 2018 12:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม 2018 11:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
สุวิชัย ธรรมศรีสกุล

สวัสดีครับ ผมเคยได้โอกาสเห็นงาน และให้ผมแสดงความคิดเห็น เป็นการขอทำอาจารย์ 3 วิชาหนึ่งฯ ท่านส่ง CAI แนบเป็นนวัตกรรม ใครๆ เห็นแล้วบอกไม่ผ่าน ซื่งถือว่าหวยมาก เป็นโมเลกุลเล็กๆ หมุนไปมา และอธิบาย ทำนองนี้ แต่พอผมเห็น แล้วท่านคณะกรรมการตรวจขอความคิดเห็นผม (มักให้ผมแสดงความคิดเห็นเพื่อฟันธง...) ผมถามประโยคแรกว่า อาจารย์ท่านนี้สอนอะไร เป็นการขออาจารย์สามวิชาอะไร.....ขอดูประวัติ พอผมได้คำตอบผมก็แสดงความทคิดเห็นทันทีว่า "ดีเยี่ยม ถ้าถามผมว่าผ่านหรือไม่ ผมให้ผ่าน......" คณะกรรมการตกใจครับ คนอย่างผม ที่มักตั้งมาตราฐานสูงมาก กลับตอบงานห่วยๆ ให้ผ่าน ทุกคนแทบจะถามพร้อมกันว่าทำไม ? ผมเลยให้คำตอบที่คณะกรรมการถึง ความเห็นด้วย ให้ผ่านว่า "......กรณีนี้ผมให้ผ่านเนื่องจาก อาจารย์ท่านที่ขอมีคุณสมบัติ มีอายุมากกว่า 50+ และเห็นได้ชัดว่าใช้ความพยายามสูงในการทำ และเนื่องจากท่านอาจารย์ท่านนี้ไม่ได้อยู่ในสายเทคโนโลยี หรือสายคอมพิวเตอร์ ทำได้ขนาดนี้ถือว่าเยี่ยมมากแล้วครับ หากถ้า อาจารย์ท่านนีร้อยู่ในสายคอมฯ หรือสายเทคโนโลยีแล้วล่ะก็ ถือว่าห่วย จนไม่ให้อภัย ผมคงให้ผ่านไม่ได้.....กรณีนี้ผมให้ผ่านครับ..!! "  ในการที่จะเป็น ครู/อาจารย์/ผู้สอนนั้น  ไม่จำเป็นต้องจบอะไรสูงส่ง หากแต่ต้องมีคุณสมบัติ และมีวามเชียวชาญในวิชาความรู้ที่สอน และถ่ายทอดได้ รวมถึงสามารถทำให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้เอง ด้วยการสร้างบริบทให้เกินการเรียนรู้เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว.......

ขอเติมอีกหน่อยครับ........ผมสอน CAI นศ. เอางานมาให้ดู ทำทั้งสีทั้งรูปสวย แล้วบอกถึงความยากละบากที่ทำมา....ทำตั้งหลายวันดูสิครับอาจารย์ ดีไม๋ ผมดูงานแล้วตอบทันที่ว่าดี นศ.ยิ้มไม่หุบ และผมก็ตอบไปอีกว่า ไม่มีคะแนนน่ะ ที่ทำนี้ ไม่ได้คะแนน นศ. งง อุธาน.....ทำไมครับจาน เพราะการสร้าง CAI ไม่ได้สร้างโฆษณา หรืออวด มัลติมีเดีย หรือความสวยงาม หากแต่มีวัตถุประสงค์ที่จะสอน ในงานที่ให้มา แค่ทำเป็นลายเส้นขาวดำ ตัด ให้เห็นก็พอ แค่นี้ก็ให้ความรู้ได้ตามวัตถุประสงค์การสอนแล้ว...ทำแบบคุณไม่รู้สอนอะไร ยังไม่ได้ความรู้ตามวัถตุประสงค์การสอนด้วยซ้ำ...รู้แค่ว่า คนทำเก่งมัลติมีเดีย เท่านั้น........แล้วผมยังสอนอีกว่า 

ผม....คุณคิดว่า สีและตัวอักศร เล็กใหญ่ มีผลต่อการเรียนรู้หรือเปล่า...

นศ....  มีผล.....

ผมยิ้มแล้วตอบว่า มีงานวิจัยให้ทราบว่า ไม่มีผลต่อการเรียนรู้.....

นศ.....สีห่วย ตัวหนังสือเล็ก...ทำนองนี้ไม่มีผลหรือครับ..... 

ผม...ใช่ เพราะงานวิจัยพบว่าไม่ว่า สี หรือตัวอักษรห่วยแค่ไหน ผู้เรียน(นศ.) CAI นั้น มีวัตถุประสงค์ที่จะเรียนรู้ที่สุด นศ. ก็หาทางอ่านและเรียนรู้จาก สีและตัวอักษรที่ห่วยได้เอง โดยได้ผลการเรียนรู้ที่สมบรูณ์ในที่สุด หากแต่ การทำสี หรือ อักษรห่วยนั้น...มีผลต่อความยาวนาน(เวลา)ในการเรียนเท่านั้น กล่าวคือ อาจในเวลาเรียนได้สั้นๆ แต่เรียนบ่อยๆ แทน....(ดูนานปวดตา หรืออ่านยาก) กลับกลายเป็นว่าสร้างผลการเรียนรู้ยาวนานกับ นศ. ด้วยซ้ำ

ผม....และ CAI ควรสร้างตามวัถตุประสงค์การสอน ทำเพื่อให้ นศ. เรียนแล้วรู้ ไม่ได้ชื่นชมคนทำว่าเก่ง.....หลักสำคัญประการแรกอยู่ที่...เนื้อหาต้องไม่ผิด ถ้าผิดก็ทิ้งเท่านั้น แต่สี อักษร หรือแม้การนำเสนอที่ห่วย ยังดีกว่าสอนผิด....จงจำไว้ว่า CAI ไม่ได้สร้างมาเพื่อแสดงความเก่งคอมฯ ของผู้ทำ CAI จงตระหนักว่าทำเพื่อให้ นศ.มีเรียนนั้นได้เรียนรู้ในเนื้อหาที่ต้องการให้รู้ตามวัตถุประสงค์การสอน หากแต่ถ้าสีสันดี ตัวอักษรสวยดีก็จริง แต่หากหลงทางคุณจะเสียเวลากับการจัดความสวยงาน จนทำให้เสียเวลาทำ แทนที่จะสอนได้ 10 บท ด้วยการสอนแบบธรรมดาสีสันธรรมดาการนำเสนอธรรมดา แต่ผู้เรียนเรียนรู้ ได้ 10 บท มั่วมาทำสีทำการนำเสนอ...มากมายแต่ได้มาแค่บทเดียว....จะทำ ทำไมครับ..... 

สุดยอดมากครับคุณครู ผมก็ไม่ได้อยู่ในวงการ IT แต่ชอบ gopy สื่อการเรียนที่เป็น cai มาให้เด็กได้เรียนได้เล่นในโทรศัพท์ อยากทำเป็นเหมือนกันครับ แต่กลัวไม่สวย เจอ อ.พูดชักมีแรงอยากทำแล้ว สิ

สิ่งที่อาจารย์เขียนเป็นความจริงครับ ขอเพิ่มเติม ก.ว.กำหนดคุณสมบัติผู้สอนวิชาพื้นฐานวิศวกรรมไฟฟ้า วิชาหลักมูลต้องจบ วศ.บ.ไฟฟ้า วศ.ม.ไฟฟ้าสายตรงเท่านั้น ผลลัพท์ น.ศ.สาขาอื่นที่เรียนแล้วเปลี่ยนหลอดฟลูออเรสเซ็นต์ ต่อมอเตอร์ไม่เป็น เรียนจากเพาเวอร์พ้อยส์ในเวป ซึ่งผลเสียเมื่อวิศวกรไปอยู่โรงงานมัถูก ช่างเทคนิคดูแคลน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท