แม่นางเตียวเสี้ยน จะมีตัวจริงหรือไม่เราไม่รู้
แต่ตามตำนานเป็นสาวที่งามเลิศในปฐพี ถ้าเป็นฝั่งตะวันตกก็คงเป็นสโนไวท์
ตั๋งโต๊ะเจ้าเมืองที่แม้จิตใจโหดเหี้ยม แต่ก็ไม่มีใครกล้ามาต่อตีด้วย
เพราะคนเกรงกลัวขุนพลเอกลิโป้ซึ่งเป็นเทพไร้พ่าย สามารถสังหารศัตรูได้ราวกับใบไม้ร่วง
กลสาวงาม คือ แม่นางเตียวเสี้ยน ใช้มารยาหญิงอันเคลิบเคลิ้ม ... ยุยงทั้ง 2 ผู้ยิ่งใหญ่ผิดใจกัน
เริ่มจากไม่ไว้ใจกัน เหม็นหน้า จนกระทั่งเคียดแค้น ประหัตประหารกันเอง ลิโป้ตาย ตั๋งโต๊ะก็อ่อนแอ เสียเมืองในที่สุด !
.
การสงคราม ถ้ารู้จุดอ่อนศัตรูแล้ว ก็เอาชนะได้โดยเสียแรงน้อย
ส่วนคนเรา หากรู้จุดอ่อนกันเสียแล้ว ก็เสร็จ ...จัดการคนนั้นได้อย่างง่ายดาย !
.
เมื่อดูหนังดูละครก็มาย้อนดูตัวครับ...
คำถามคือ เรารู้ไหมว่าจุดอ่อนของเราคืออะไร ? เราเคยสำรวจตัวเองไหม ?
เวลาคนจะหลอกต้มตุ๋นกัน เขาก็จับจุดอ่อนคน แล้วก็ยิงตรงไปเรื่องนั้น
ใครที่ตอบตัวเองได้ รู้ว่าจุดอ่อนเรามีอะไรบ้าง นี่ถือว่ามีปัญญามากนะครับ
ฉลาดกว่าเจ้าเมืองตั๋งโต๊ะกับขุนเอกในตำนานอย่างลิโป้ อีก
ผมว่าโพสนี้ ใครได้อ่านก็ถือว่าได้ของขวัญปีใหม่เลยล่ะครับ
ผมเองกว่าจะรู้จุดอ่อนตัวเอง ก็ปาไปกว่าครึ่งชีวิตแล้ว !
โดนหลอก หมดไปก็เยอะ...
.
คนอยากรวย พอเขาเอาตัวเลขมาล่อ ใจก็ตื่นเต้นๆ หูก็ผึ่ง เขาชวนไปทำอะไรก็เชื่อไปหมด !
นี่ไงครับ จุดอ่อนคือ ความอยากรวย
คนอยากดัง อยากมีหน้ามีตา พอใครเอาโอกาสความดังมาเสนอ ยอมครับ จ่ายเท่าไหร่ก็ยอม
กระทั่งของที่เราชอบ ราคาเท่าไหร่ไม่เกี่ยง นี่ก็โดนหลอกซื้อของที่เอากำไรเกินควร !
คนเรามักเห็นคนอื่น ว่าคนโน้นโดนหลอก คนนี้โดนต้ม ...แต่เวลาตัวเองโดน มักจะไม่เห็น
เพราะเราไม่ได้ “โอปนยิโก” คือ ย้อนกลับมามองที่ตัวเอง
.
ผมไม่ได้ให้มองโลกในแง่ร้ายทั้งหมด แต่คนเราต้องมีสติ มีวิจารณญาณครับ
ก่อนอื่นต้องวิเคราะห์ตัวเองออก ว่าอะไรบ้างที่มันเป็นจุดอ่อนเรา ที่ใครพูดเรื่องนี้แล้วเราหูผึ่ง
แล้วก็ตั้งสติ เวลารับฟังอะไร ลองคิดถึงความเป็นไปได้
หรือสอบถามผู้รู้ก่อนที่จะรีบปักใจเชื่อ อย่ารีบตะครุบเชื่ออย่างไม่รู้สึกตัว
ถ้าพิสูจน์แล้วเป็นเรื่องจริงก็โอเค ถือเป็นโอกาส
แต่ถ้ามันไม่สมเหตุสมผล ผู้รู้ไม่การรันตี แล้วเราหลงเชื่อ นั่นจะเป็นวิกฤติ ละ
.
นักต้มตุ๋นขั้นเทพนี่จะเล่นกับศรัทธาคนครับ
รู้ว่าจุดอ่อนคนคืออะไร ก็เอาน้ำตาลมาล่อ
พร้อมทั้งสร้างภาพให้เราเชื่ออย่างปักใจ ปักลงไปจนเกิดความ “ศรัทธา”
ศรัทธาเป็นเรื่องดี ทุกคนต้องมีศรัทธา
แต่ถ้าโดนจี้จุดอ่อนจนขาดสติ ศรัทธาจะขาดปัญญา
ศรัทธาที่ขาดสติ ขาดปัญญา มันจะแปลงร่างเป็น “ความงมงาย”
ฉะนั้น สิ่งที่นักต้มตุ๋นทำอย่างแรก คือหาจุดที่ทำให้คุณขาดสติก่อน
.
เมื่อคนงมงายแล้วก็กลายเป็นสาวกของนักต้มตุ๋น เขาจะพูดอะไรก็เห็นดีไปหมด
แม้เรื่องที่เห็นง่ายๆ ที่คนทั่วไปเห็นว่ามันผิดอยู่ทนโท่ ก็ยังหน้ามืดหลงเชื่อเขา !
โบราณถึงเรียกว่า เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
บางคนเชื่อขนาดไปเถียงแทนเลย ออกตัวปกป้อง
... และในประวัติศาสตร์ คนพากันไปตายแทนคนชั่วก็มีเยอะครับ
.
.
สังคมไทยยุคนี้ การต้มตุ๋นมีเยอะมาก มากจริงๆ และมาในหลายรูปแบบ
คนยิ่งฉลาดมากขึ้น ขบวนการต้มตุ๋นก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้น จนเริ่มแยกแยะยาก
ทั้งต้ม ทั้งตุ๋น ทั้งทอด ทั้งผัด ทั้งนึ่ง สารพัดวิธี ... เอาจนเปื่อยละ ย่อยง่าย
อันนี้ก็น่าเห็นใจนะ คนก็อยากรวย ก็อยากหาอะไรทำที่รวยไวๆ
แต่ชวนไปรวยนี่แหละตัวดีครับ ผมพูดตรงๆ เลย มีสติ ระวังไว้เหอะ
ชวนเราไม่พอ ยังหลอกให้ไปชวนคนอื่นมาร่วมวงจรอุบาทอีก !
ที่ทำธุรกิจจริงก็มี ไม่ได้ว่าหลอกทั้งหมด ...ที่เขาทำธุรกิจจริงก็มีครับ
แต่ที่หลอกก็เยอะ... เยอะจริงๆ ... สติจึงสำคัญมากๆ
.
ผมพูดเรื่อยว่า มีสติๆ นะ แต่ดูๆ แล้วคนไม่ค่อยสนใจ
พอใครประกาศรวยๆ มาหน่อย สตินี่เตลิดไปก่อนแล้ว
.
ระวังเหอะ ระวังจุดอ่อนของตัวเองให้ดี จุดอ่อนของคุณจะฆ่าคุณเอง !
ทุกครั้งที่ได้ยินอะไรแล้วหูผึ่ง ให้ตั้งสติก่อน ... "เอาแล้วๆ ไอ้จุดอ่อน...มันเริ่มแล้ว"
รีบใช้วิจารณญาณครับ การคิดหาเหตุผลว่าสมเหตุสมผลไหม
และที่สำคัญควรปรึกษาผู้รู้ คนที่เขาอาบน้ำร้อนมาก่อนเรา
.
เอาง่ายๆ ลองคิดเปรียบเทียบตามผมนะ...
คนที่เขาเล่นหุ้นจนรวยเป็นสิบเป็นร้อยล้าน อยู่ๆ เขาจะมาเปิดเผยไหมว่าให้ซื้อตัวไหนบ้าง ? ...
คิดดูซิครับ อยู่ดีๆ ใครจะมาเป็นพ่อพระ ประกาศปาวๆ ให้มารวยกะชั้นเหอะ...!
และถ้าเป็นเราบ้างล่ะ เราซื้อหุ้นแล้วมันขึ้นอยู่ดีๆ เราจะเที่ยวบอกคนอื่นให้เค้ามาแย่งซื้อไหม?
มันสมทั้งเหตุ สมทั้งผล และสมน้ำหน้าไม๊ล่ะครับ ...?
คิดเปรียบเทียบกับเรื่องอื่นๆ ดูเองละกันครับ
....(-__+)"
สุดยอดมากอ.กล้วยเทคนิคการเขียนเรียบเรียงล้ำลึกอ่านง่ายเห็นภาพเลย