ผมไปร่วมงานมอบ..”ตู้หนังสือในบ้านเด็ก” ที่โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก จ.กาญจนบุรี ตามคำเชิญของมูลนิธิเด็ก ที่เคยมอบตู้หนังสือให้โรงเรียนบ้านหนองผือ เพื่อส่งมอบให้นักเรียนหลายคน หนึ่งในนั้นคือ เด็กชายโก้..ศรายุท กรับทอง..
ครั้งนี้..ถึงแม้จะไม่ได้ไปในฐานะผู้รับตู้หนังสือ แต่ผมก็ให้ความสนใจกิจกรรมของโครงการฯ..และอยากสัมผัสบรรยากาศในโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก..สักครั้ง..
ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ..เป็นโรงเรียนในท่ามกลางแมกไม้และขุนเขา อากาศดีมาก สะอาด ร่มรื่น ห้องประชุมบริเวณที่จัดงาน ตั้งอยู่ริมน้ำ..โอ่โถง เหมาะสำหรับอบรมสัมมนา หรือฟังการบรรยายพิเศษ...
ผมไปถึง..เป็นช่วงเวลาที่ “แม่แอ๊ว” คุณรัชนี ธงชัย ครูใหญ่โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก กล่าววัตถุประสงค์ของโครงการฯและบอกถึงวิธีคัดเลือกเด็กที่จะได้รับตู้หนังสือ..ต้องเป็นเด็กที่มีความ”กระหายอ่าน”และมีความ”อยากอ่าน”
เป็นเด็กยากจน ขาดโอกาสที่จะอ่านหนังสือเพราะไม่มีหนังสือดีๆให้อ่าน เป็นเด็กในโรงเรียนประถมและมัธยม ที่มีความสามารถเป็น “บรรณารักษ์ประจำหมู่บ้าน”ได้
ก่อนที่จะมีพิธี..มอบ"ตู้หนังสือในบ้านเด็ก” โดยตัวแทนของโทรทัศน์ช่องโมโน 29 ผู้สนับสนุนหลักในครั้งนี้.. ผมมีโอกาสได้ฟังแนวคิดของเลขานุการ..มูลนิธิเด็ก..คุณพิภพ ธงชัย..ท่านกล่าวได้น่าฟังว่า..
“เราจะส่งเสริมให้เด็กไทยและคนไทยได้อ่านหนังสือ ถือเป็นการปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการศึกษา เพราะต่อให้ปฏิรูปการศึกษาด้วยการสร้างโรงเรียนดีๆ แต่ถ้าเด็กไม่อ่านหนังสือก็ไม่มีความหมาย...”
ช่วงเวลาสำคัญก็มาถึง..เมื่อคุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์..กวีซีไรท์ และศิลปินแห่งชาติ..ขึ้นบรรยายพิเศษ..แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่กินใจเหลือเกิน ท่านเริ่มต้นด้วยเสียงขลุ่ยอันแผ่วพริ้ว เยือกเย็น ชวนฟัง..ภายในห้องประชุม..เงียบกริบ..
คุณเนาวรัตน์..เกริ่นนำด้วยถ้อยคำสำคัญ..”คนที่รู้หนังสือ แล้วไม่อ่านหนังสือ ก็เปรียบได้กับคนไม่รู้หนังสือ..”
ชีวิตของกวีซีไรท์ท่านนี้..ท่านอ่านหนังสือมานับพันเล่ม..แต่เล่มที่สำคัญสุดโปรดมีเพียง ๓ เล่ม คือ..ขุนช้างขุนแผน ..หนังสือแห่งภูเขาพุทธธรรม และเล่มสุดท้าย..หนังสือเล่มใหญ่ อ่านใจตนเอง...
เป็นหนังสือเล่มใหญ่(มาก) เป็นหนังสือชีวิต เรื่องยาว ที่มุ่งให้ความสำคัญไปที่การอ่านใจตนเอง..ถ้าอ่านออกทะลุปรุโปร่ง จะทำให้เข้าใจโลก นำพาไปสู่”จิตว่าง”และความทุกข์ทั้งมวลจะน้อยลง..
คุณเนาวรัตน์..ให้เกร็ดความรู้หลายอย่าง ที่ผมจำได้ไม่ลืมเลือนก็คือ..หนังสือในยุคสมัยต่างๆ บอกความเป็นมาเป็นไปของบ้านเมือง เช่น..
ไตรภูมิพระร่วง..เป็นหนังสือที่แต่งขึ้นสมัยสุโขทัย ต้องการสอนใจผู้อ่าน ให้รู้ซึ้งถึงความดีความชั่ว นรกสวรรค์..มหาชาติคำหลวง สมัยอยุธยา มุ่งสอนชาวประชาให้รู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวม..รามเกียรติ์ เป็นหนังสือสมัยรัตนโกสินทร์ ที่มีแนวทางคำสอน ที่มุ่งจัดระเบียบบ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่น...
การได้ฟังคุณเนาวรัตน์พูดในวันนี้..จึงเหมือนกับว่า..ผมได้อ่านหนังสือเล่มใหญ่ ได้ประสบการณ์และความรู้..ท่านบอกว่า..”ความเข้าใจ สำคัญกว่าความรู้” ซึ่งผมก็เข้าใจ โดยเฉพาะคำแนะนำของท่าน ที่ให้เด็กอ่านหนังสือ “ปลาบู่ทอง” แล้วลองอภิปรายซักถามซึ่งกันและกัน..จะเกิดปัญญา วิเคราะห์และใคร่ครวญ..
ท้ายที่สุด..คำพูดที่คุณเนาวรัตน์หยิบยกมา..และกล่าวทิ้งท้ายได้น่าฟัง ก็คือ..ครู..หนังสือ เด็ก และปากกา..เราจะเปลี่ยนโลกได้ นั่นคือ..การศึกษา...
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐
ดีใจด้วยครับ
ได้พบทั้งพ่อเปี๊ยกและน้าเนาว์
เมื่อคนที่เข้าใจปัญหา รวมกลุ่มกันลงมือทำสิ่งละอันพันละน้อย ย่อมเป็นรากฐานของการแก้ไขปัญหาเรื่องการศึกษาที่ดีแน่นอนค่ะ และเกิดพลังสร้างสรรค์ แม้การวิเคราะห์สังเคราะห์ปัญหา จะทำให้เรามองออกว่าระดับบน หรือผู้มุ่งผลประโชน์ส่วนตน ควรทำอย่างไร แต่คงเป็นไปได้ยากในตอนนี้ กลับเป็นการทำลายพลังบวกของผู้ที่เข้าใจเสียเอง มิสู้ลงมือกระทำในสิ่งที่เราสวมบทบาทอยู่ เป็นการกระทำความดี ย่อมส่งผลที่ดีงามกับผู้ปฏิบัติค่ะ
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
คุณลิขิต