โสภณ เปียสนิท
นาย โสภณ เปียสนิท ตึ๋ง เปียสนิท

​บันทึกชุนนุม พธบ. 35 ที่กระบี่


โสภณ เปียสนิท

..............................

หกโมงครึ่งของวันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2560 ผมพร้อมครอบครัวเรียกตุ๊กตุ๊กรับจ้างเดินทางสู่สถานีขนส่งหัวหิน-ภูเก็ต เพื่อให้ทันเวลาตามหน้าตั๋ว หนึ่งทุ่มตรง ระหว่างรอรถทัวร์เข้าสู่สถานี เราทั้งครอบครัวหามุมสงบนั่งบ้างยืนบ้างคุยหยอกล้อกัน หญิงสาวร่างเล็กค่อนข้างท้วม เดินตรงเข้ามาหาใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร “สวัสดีค่ะ มีสถานีรถเดินทางไปใต้อื่นอีกหรือเปล่าคะ” ท่าทีเหมือนมีความกังวนเล็กน้อย “อ้าวที่นี่ไม่มีรถหรือ” เธอยิ้มกว้าง “ใช่ค่ะ สอบถามแล้ว รถเต็มทุกคันเลย ไม่ได้จองไว้ เลยอยากหารถสถานีอื่น โชคดีอาจได้รถไปคืนนี้” “ถ้าไม่มีรถคงต้องพักหัวหินสักคืน ถือว่าเที่ยวหัวหินก่อน” ผมแนะนำในแนวทางที่เธอปฏิเสธยาก แวบหนึ่งของความคิด “เอ ลองไปสอบถามที่สถานีรถไฟดีไหม อาจมีเที่ยวรถลงใต้” เธอพยักหน้ารับอย่างยินดี เพราะคงไม่อยากค้างคืนที่หัวหิน “โอ้ ขอบคุณมาก ไปที่สถานีได้อย่างไรคะนี่” “รถรับจ้างอยู่ตรงนั้น” ผมพูดพร้อมชี้มือไปที่กลุ่มรถรับจ้างด้านหน้าสถานีรถ เธอเดินจากไปอย่างรวดเร็ว


สองทุ่มครึ่งรถทัวร์เข้าท่าเรียบร้อย เราขึ้นรถประจำที่นั่ง เรียบร้อย รถออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ตำบลเขาต่อ อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ตามจุดหมาย รถทัวร์คันนี้มีปุ่มกดให้บริการนวดหลัง และปลั๊กชาร์ตแบตเตอรีโทรศัพท์ฟรีด้วย อาจเพราะผมไม่ค่อยได้ใช้บริการรถทัวร์จึงเพิ่งจะได้รู้ว่าเดี๋ยวนี้ รถทัวร์บ้านเราก็ไม่น้อยหน้าบ้านเมืองอื่นแล้ว หลับๆ ตื่นๆ ไปได้ครึ่งทาง รถจอดสถานีบริการให้รับประทานข้าวต้มยามดึก ราวตีห้าเราถึงที่หมายด้วยความกระทันหันขณะหลับกันเพลิน เจ้าหน้าที่ประจำรถเรียก “เขาต่อแล้วครับ” ตีห้าที่เขาต่อหมอกลงหนาทึบไม่น้อย อากาศหนาวเย็นกว่าหัวหิน


เพื่อนอดีตนักบวช เคยเป็นผู้จัดการบริษัท หันกลับมาเอาดีทางเกษตรพอเพียง ปลูกไม้ผล ขายพันธุ์ไม้ ขับรถมารับไปรับประทานอาหารเช้าที่บ้าน แล้วจึงเดินทางต่อไปที่วัดแก้วโกรวาราม สถานที่นัดพบ คณะของเราไปถึงหลังเวลานัดหมาย เพื่อร่วมกันทอดผ้าป่าของคณะ พธบ.35 เรียบร้อย ผมนำเงินที่ตั้งใจไว้ว่าจะร่วมทอดผ้าป่าไปถวายพระอาจารย์ ร่วมรับประทานอาหาร พูดคุยสนทนากันอย่างออกรส หลังจากที่ไม่ค่อยได้พบกันในรอบหนึ่งปี


มองเห็นความเหมือนและความต่างของพวกเรา นิสัยใจคอคล้ายเดิมเป็นส่วนมาก รูปร่างเปลี่ยนแปลงไปมาก ร่องรอยของกาลเวลากัดกร่อนร่างกายให้ก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ด้วยกันทุกคน แต่ความสัมพันธ์ของพวกเรายังดูหนาแน่นเป็นปึกแผ่นได้ดี ต่างถ่อยทีถ่อยอาศัยกันและกัน ความขัดแย้งอาจมีบ้าง แต่ความเป็นเพื่อน และความเป็นผ่านโลกมานานมากขึ้น ทำให้เราต่างพยายามหาจุดร่วม สง่วนจุดต่างไว้ เรียกกว่าให้อภัยกันได้เสมอ เมื่อเอ่ยคำว่าเพื่อนให้ได้ยิน


ปีหน้า 2561 นัดหมายพบกันที่ เชียงใหม่ เพราะกลุ่มเพื่อนสายเหนือมีความพร้อมเป็นเจ้าภาพ เสียดายผมไปไม่ทัน ไม่ได้อยู่ในการสนทนา ไม่อย่างนั้นอาจได้บรรยากาศเชิงลึกระหว่างการสนทนามาบันทึกไว้ หลังการรับประทานอาหารแล้ว เรานัดหมายกันไปเที่ยวสระมรกต แวะเยี่ยมเยือนโรงเรียนท่านผู้อำนวยการบุญมี เจริญพงศ์ และ เดินเที่ยวชมพุน้ำร้อน


ระหว่างการเดินทาง ผมย้ายไปนั่งรถเพื่อนเดโช ทำงานบริษัท ซีพี มีผู้โดยสารอีกหลายคน เพื่อน ดร สมคิด อดีตคณบดีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจอมบึง ประดับ โฆษกสำนักพุทธศาสนา และภรรยา และเสมา เจ้าของบริษัทเอกชน รับงานหลายยด้าน เช่นการปักสลักลายเสื้อยืด เราอดเจรจากันเรื่องสถานการณ์พระพุทธศาสนาด้วยความห่วงใยไม่ได้ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ยังอยากเห็น วัดในพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองอยู่ตามชนบททุกหัวระแหง เป็นทุกอย่างให้กับชุมชน


วัดเคยเป็นห้องสมุดให้เราเข้าไปศึกษาหาความรู้ ทั้งที่บวชเป็นภิกษุสามเณร และศิษย์วัด วัดเป็นที่สงบจิตใจของคนผู้คิดหาความสงบทางจิตใจ วัดเป็นที่พักของคนทุกข์ยากไร้ที่อยู่อาศัย ไร้ที่พักพิง เป็นโรงหมอ เป็นที่เรียนศิลปะ เป็นที่เรียนพิชัยสงคราม เป็นที่เผยแพร่ความดีงาม เป็นทางก้าวหน้าของชีวิตทุกอย่างของคนในสังคม เราอยากได้สังคมแบบนี้ ซึ่งเป็นแบบดั้งเดิมที่ถนอมกล่อมเกลี้ยงหล่อเลี้ยงชีวิตพวกเรามาจนถึงวันนี้


เราสนทนากันอย่างกว้างขวางว่า เหตุใดพระจึงพยายามทำลายพระด้วยกันเอง ด้วยการนำรัฐบาลเข้ามาเป็นเครื่องมือ ทำไมการสอนศาสนาพุทธในบ้านเราจึงสอนแล้วเกิดความแตกแยกเป็นสายนั้นสายนี้ แต่ละสายวางเฉยเมื่อสายอื่นถูกทำลาย บางคนวิเคราะห์ว่า เพราะเราถูกแบ่งแยกเป็นสองนิกาย เลยทำให้ถูกแทรกแซงได้ง่าย ทำให้เกิดขัดแย้งกันอยู่ในที และทั้งสองนิกายไม่อาจรวมกันได้ ทั้งที่แทบไม่มีความแตกต่างกันสักเท่าไร


สนทนากันถึงวัดใหญ่ถูกปิดวัดด้วยกฏหมายพิเศษ อ้างว่าต้องการจับพระตามหมายจับ โดยไม่นึกถึงภาพพจน์พระพุทธศาสนาในประเทศไทย ซึ่งเป็นรากฐานของสังคมมานับแต่เริ่มสร้างชาติก็ว่าได้ เหมือนรัฐเป็นส่วนหนึ่งของการทำลายล้างรากฐานประเทศด้วยรัฐเอง คล้ายเป็นเรื่องของคนอกตัญญูมิรู้คุณพระพุทธศาสนา เราวิเคราะห์กันถึงมุมมองของคนพุทธ ที่แตกต่างกันไปในกรณีนี้ บางพวกบอกว่าเป็นเรื่องของมหานิกาย มิใช่นิกายของเรา ของพระเรา บางพวกบอกว่าเป็นเรื่องของสาย “สัมมา อรหัง” ที่ต้องแก้ไขปัญหากันเอง พวกเรา สาย “พุทโธ” สาย “พองหนอ ยุบหนอ” ไม่เกี่ยวข้อง บางพวกบอกว่า เป็นความเสื่อมของพุทธศาสนาในไทย บางพวกบอกว่า พึงปล่อยวาง ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น เป็นไปตามหลักไตรลักษณ์ อนิจจังไม่เที่ยงแท้ ทุกขังเป็นทุกข์แปรปรวน อนัตตา มิใช่ตัวตนยึดไม่ได้


เราบางคนบอกว่า ช่างทำไปได้ เราเมืองพุทธ รัฐบาลทำอย่างนี้กับวัดใหญ่ในพระศาสนาถือว่า ย่ำยีรากฐานชีวิตของคนในชาติตนเอง หรือมีเจตนาแอบแฝง อยากให้ศาสนาอื่น บางศาสนาที่มีข่าว และงานวิจัยว่า ไปอยู่ที่ไหน นำความเดือดร้อนวุ่นวายไปสู่ที่นั่น รัฐต้องการทำให้ศาสนานั้นๆ ดูเด่นขึ้นในประเทศนี้ บางคนค้านว่า คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอก หลายคนบอกว่า “ช่างน่าคิด เพราะปัจจุบันนี้ มีข่าวโจมตีพระในพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นบ่อยมาก และได้รับการเผยแพร่ข่าวร้ายเหล่านี้ในสื่ออย่างกว้างขวางรวดเร็วอย่างเป็นระบบ


คนหนึ่ง ถามขึ้นว่า การตั้งข้อสังเกตแบบเลื่อนลอยดูไม่ดี ต้องมีหลักฐานให้หนักแน่น บางคนตอบว่า มันก็จริงตามนั้น แต่ หลักฐานที่เห็นได้ชัดก็มีมาก เช่น การสร้างพุทธมณฑลปัตตานี ถูกระงับไว้มิให้ก่อสร้าง เพราะผู้นำศาสนาเขาบอกว่า “ไม่เหมาะสม” เหมือนว่า ดินแดนนั้นถูกแบ่งแยกออกไป รัฐไทยไม่มีอำนาจในการสร้าง บางคนบอกว่า “ที่ข้างบ้านผมไม่เคยมีมัสยิด เดี๋ยวนี้ผุดขึ้นมาแล้วหลายแห่ง” นี่ก็หลักฐาน นโยบายการสร้าง ฮาลาลสี่ภาคของรัฐ นี่ก็อีกหนึ่งหลักฐาน การย้ายกิจการทางศาสนาจากกรมการศาสนา เช่น การย้ายการไปทำพิธีฮัชญ์ที่เมกกะไปไว้ที่ กระทรวงมหาดไทย ทำให้เกิดคำถามว่า รัฐลำเอียงต้องการส่งเสริมแต่กิจการศาสนาของศาสนาอื่น ศาสนาพุทธที่ไปไหว้สังเวชนียสถานทำไมจึงไม่ย้ายไปด้วย ดูว่ามิให้สิทธิผู้เสียภาษีในประเทศนี้อย่างเท่าเทียม นี่ก็หลักฐาน


บางคนตั้งข้อสังเกตว่า ตราฮาลาลที่ติดข้างกล่องหรือซองสินค้านั้น หักภาษีเข้ารัฐหรือไม่ หรือ หักส่วนแบ่งเข้าศาสนามุสลิมด้วยหรือไม่ มีใครตอบได้บ้าง ถึงตรงนี้ทุกคนต่างนั่งกันเงียบยิ่งกว่าเป่าสาก เพราะเป่าสากอาจเกิดเสียงลมดังฟู้ๆ ได้บ้าง หลายคนเริ่มคิดได้ว่า เอ ดูชอบกล หรือรัฐนี้ต้องการทำลายรากฐานประเทศของตนเองจริงๆ แต่ก็เป็นแค่ความคิดในใจ ไม่มีใครกล้าคิดดังให้ใครได้ยิน


เพราะเราจำภาพที่รัฐใช้กฏหมายพิเศษจัดการกับวัด จัดการกับพระอย่างรุนแรง มีการตัดน้ำตัดอาหาร เหมือนจับตัวพระสงฆ์สามเณรทั้งวัด พร้อมด้วยศรัทธาสาธุชนที่มาทำความดีสวดมนต์สรรเสริญพระพุทธองค์เป็นตัวประกัน เพื่อจับพระองค์เดียว ด้วยคดีที่มีค่าปรับราว 4000 บาทเท่านั้น คิดดูแล้ว เหมือนรัฐกลายเป็นโจรเรียกค่าไถ่เสียเอง จนสังคมเริ่มตั้งคำถามว่า เหตุใดโจรก่อการร้ายภาคใต้ที่ฆ่าคน วางระเบิด หลายสิบปีผ่านมา รัฐจึงไม่กล้าใช้กฏหมายพิเศษไปจัดการบ้าง หรือกฏหมายพิเศษใช้เฉพาะกับคนดีเท่านั้น


พูดคุยถึงเรื่องเหล่านี้แล้วก็ได้แต่นิ่งเงียบ เพราะต่างเกรงกฏหมายพิเศษ แอบคิดเล่นๆ ว่า หรือเราก็คล้ายๆ จะเป็นคนดีกับเขาเหมือนกัน อาจโดนกฏหมายพิเศษได้ด้วยเช่นกัน รถแล่นเข้าสู่สระมรกต บนลานจอดรถมีรถหนาแน่น ผู้คนมากหน้าหลายตา พากันเดินมุ่งหน้าเข้าสู่สระมรกตซึ่งอยู่ห่างออกไปราวหนึ่งกิโลเมตรเศษกลางสายฝนบางเบาพร่างพรู


ออกจากสระมรกต คณะของเราแวะเยือนโรงเรียนท่าน ผอ.บุญมี และเดินชม แช่เท้าที่พุน้ำร้อนอีกระยะก่อนเดินทางกลับมารับประทานอาหารค่ำกันที่เรือนพัชรี ในบรรยากาศที่เป็นกันเอง บนโต๊ะอาหาร มีเมนูหอยชักเท้า (ชาวบ้านเรียกหอยชักตีน) เป็นอาหารเรียกน้ำย่อย มีอาหารทะเลเป็นหลัก หน้าเวทีมีร้องเล่นเต้นรำตามแต่ประสงค์ ถึงเวลาสำคัญ แกนนำหลัก ผอ. บุญมี กล่าวต้อนรับเพื่อน เพื่อนเสียงทอง ร้องเพลงนำ เชิญเพื่อนที่มีครั้งนี้เป็นครั้งแรกได้เล่าประวัติ และร้องเพลง


แถมด้วยนายหนังลุง อัจฉริยะ ก้องฟ้าเทพประทาน (ออกรายการคนค้นค้นตอนอายุ 8 ขวบ) สาธิตการเล่นหนังลุงโชวพอหอมปากหอมคอ เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น ระหว่างร้องเล่นเต้นรำ มีรายการถ่ายภาพกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ หลายกลุ่มเพื่อเก็บไว้ในความทรงจำ ผมเองมีโอกาสร้องเพลงสองเพลงคั่นรายการ แล้วกลับมานั่งรับประทานอาหาร ดู และฟังเพื่อนๆ ทำกิจกรรมอย่างมีความสุข


รุ่งเช้าวันต่อมา เรามีนัดทานข้าวที่วัดเดิม แล้วเดินทางไปขึ้นเรือเร็ว เดินทางชมเกาะแก่งอ่าวน้อยใหญ่ เช่น เกาะพีพี อ่าวมาหยา เกาะไวกิ้ง เกาะไผ่ เสร็จแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน เพื่อรอวันนัดหมาย 29-30 เมษายน 2561 พบกันที่เชียงใหม่ต่อไป


หมายเลขบันทึก: 628411เขียนเมื่อ 11 พฤษภาคม 2017 09:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 พฤษภาคม 2017 09:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

-สวัสดีครับอาจารย์

-มิตรภาพยาวนานมาก ๆนะครับ

-ปีหน้าขึ้นเหนือเชียงใหม่..

-รอติดตามอ่านเรื่องราวขอรับ

เพชรน้ำหนึ่ง

ฟักทองงามๆ เลยครับที่ไรเราเองเลยเปล่าครับ

ท่านอาจารย์ไปเมืองกาญจน์ทุกอาทิตย์

น้องเพชรไปเมืองกาญจน์กันไหมจ๊ะ

ไปเยี่ยมบ้านเล็กในป่าใหญ่กัน O.K .

-สวัสดีครับอาจารย์ฺ

-ตามมาบอกว่าเป็นผลผลิตจากไร่ของผมเองครับ

-ปีนี้ทดลองปลูกดู ก็ได้ผลดีครับ

-ปลูกฟักทองในนาหลังจากเก็บเกี่ยวข้าว ครับ

-พื้นที่มีไม่มากนัก ก็ต้องใช้ให้คุ้มค่าครับ..

-ฝากอาจารย์ติดตามเพจ Hi Hug House ด้วยนะครับ

-ขอบคุณครับ

คุณมะเดื่อ

ขอบคุณมะเดื่อ สบายดีนะครับ

ฝนตกแล้วระวังน้ำท่วมหน่อย

ดูแลสุขภาพด้วย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท