๕๓๔. โรงเรียนคุณธรรม..


ภาระหนักจึงตกอยู่กับ “ครู” ที่จะช่วยเชิดชูให้เป็น “โรงเรียนคุณธรรม” จริงๆ อย่าใช้แต่กระดาษ มอบใบงานและแบบทดสอบ ตอบถูกผิด แล้วก็ให้คะแนน..

ผมเข้ารับการอบรมในโครงการ “โรงเรียนคุณธรรม” เขตพื้นที่เลือกให้เป็นโรงเรียนแกนนำ มีครูจากหลายๆโรงเรียนเข้าอบรมพร้อมกัน..แต่ละโรงต้องส่งครูเข้าอบรมทั้งหมด...

เป็นโครงการของของ สพฐ.ศธ. ที่กำลังจัดอบรมกันอยู่ในเวลานี้..ทั่วประเทศ..ทุกเขตพื้นที่..

ตอนแรกก็สงสัย ว่าทำไม..สพฐ.คิดใหม่ทำใหม่ไปเรื่อย จากโรงเรียนสีขาว เป็นโรงเรียนวิถีพุทธ ก็น่าจะหยุดกันที่..สถานศึกษาพอเพียง..ที่ใช้ปรัชญาของพ่อ..หรือศาสตร์พระราชา ที่สมบูรณ์แบบทั้งความรู้และคุณธรรม..

แต่ต้นสังกัด กลับคิดปักป้ายใหม่ ทำแบบฟันธง เจาะจงกันไปเลย ต้องเป็นโรงเรียนคุณธรรมเท่านั้น..เป็นอื่นไม่ได้

ผมก็ยังสู้อุตส่าห์สงสัยต่อไปอีก..โรงเรียนมีหน้าที่หลักอยู่แล้วที่จะต้องอบรมบ่มนิสัย ให้เด็กและเยาวชนเป็นคนดี มีความรู้คู่คุณธรรม

ถ้าโรงเรียนอยู่ใกล้วัด..ภาระหนักของโรงเรียนก็เบาหน่อย ใช้วัดเป็นสถานที่ ขัดเกลาฝึกหัดดัดนิสัย ให้เข้าใจใน ศีล สมาธิ และปัญญา..

ถ้าเป็นโรงเรียนบ้าน.ที่ห่างไกลวัด ก็ต้องใช้ปราชญ์ชาวบ้าน หรือภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ามาช่วยถ่ายทอด แต่ครูเอง..ก็ต้องสอนแบบบูรณาการ สอดแทรกคุณธรรมอยู่ตลอดเวลา..

แล้วทำไมเล่า..จะต้องไปประกาศทับซ้อนกับชื่อโรงเรียน หรือว่า..ที่ผ่านมา..โรงเรียนไม่ได้สอนคุณธรรม และหรือ..ที่ผ่านมา..โรงเรียนล้มเหลว..ในการสอน..

ที่สุดแล้ว..วันนี้ผมก็คิดได้และยอมรับ..กับคำว่า “โรงเรียนคุณธรรม” แม้จะไม่เห็นด้วยกับวิธีการอบรมและเนื้อหาในหลักสูตรการอบรม ตลอด ๒ วัน..

ยอมรับว่า..ถึงเวลาแล้ว ที่จะให้คุณธรรมนำหน้าความรู้..ให้โดดเด่นกว่าเดิม ในยุคที่นักเรียนใช้เวลาเรียน เล่นโทรศัพท์มือถือ จนไม่มีเวลาอ่านหนังสือ หรือไม่มีหู ที่จะรับฟังสิ่งดีมีประโยชน์จากใคร

สื่อสิ่งเร้า ที่เป็นขยะ..หรืออบายมุข มากมายเกลื่อนเมือง..เด็กใกล้ชิดและเสพทุกวัน อย่างอิ่มเอมและนิยมชมชอบ..

ถ้าปล่อยปละละเลย..ให้เด็กไปตามยถากรรม อนาคตสังคมไทยล่มสลายแน่นอน โรงเรียนเท่านั้นที่จะยับยั้ง ไม่ให้นักเรียนตกเหวลึก ครูเท่านั้นที่จะฉุดดึงนักเรียนเข้ามาสู่ลู่ทางที่สร้างสรรค์..แม้ว่ายากแค่ไหน..ก็ต้องทำ..

คิดได้..รอไม่ได้..ที่จะหวังพึ่งผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมด้วยกัน เพราะ ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน..บ่งบอกว่าผู้ปกครองก็เหนื่อยหนักหนา..ตามไม่ทันและเอาไม่อยู่แล้ว..

ภาระหนักจึงตกอยู่กับ “ครู” ที่จะช่วยเชิดชูให้เป็น “โรงเรียนคุณธรรม” จริงๆ อย่าใช้แต่กระดาษ มอบใบงานและแบบทดสอบ ตอบถูกผิด แล้วก็ให้คะแนน..

แต่ต้องให้นักเรียนสร้างชิ้นงาน ปฏิบัติงานกลุ่มร่วมกัน ด้วยความรักสามัคคี มีจิตใจบริการและแบ่งปัน..ใช้กิจกรรมเป็นเครื่องมือ ผ่านกระบวนการคิดแก้ปัญหา นำพาเด็กสู่สังคมและชุมชน เพื่อการมีส่วนร่วมพัฒนา..ตั้งแต่วัยเยาว์..

ตัวครูเอง..ก็ต้องตระหนักในปัญหา และให้ความสำคัญ หมั่นพิจารณาไตร่ตรองอย่างมีสติ ว่าครูเองได้ให้ตัวอย่างที่ดีแก่นักเรียนหรือไม่..อย่างน้อย..ก็ควรสอนเต็มเวลา ไม่มาสาย ไม่ขายตรง ปลงและลดละเลิกอบายมุข..มุ่งสู่เส้นทาง..พอเพียง..

ดังนั้น...ครูสำคัญที่สุด..ครูคุณธรรม เกิดโรงเรียนคุณธรรม...นำพาเด็กดีมีคุณธรรม..ครับ

ชยันต์ เพชรศรีจันทร์

๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐



หมายเลขบันทึก: 628270เขียนเมื่อ 4 พฤษภาคม 2017 22:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม 2017 22:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ผมเห็นด้วยว่า การอบรมแบบนี้ไม่ได้ผล

ต้องให้นักเรียนปฏิบัติได้จริง

มีผลออกมาเป็นเรื่องผู้เรียนมีคุณธรรมจริงๆ

เอามาฝากครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท