ผมนั่งทำงานอยู่ดีๆ ก็เจอคำถามจาก อ.จัน ภรรยาที่เคารพว่า
“กินลูกตาลโตนดสดลดความอ้วนได้หรือไม่?”
ผมนั่งนิ่งไปห้าวินาที แล้วตอบไปว่า “น่าจะได้” ลากเสียงยาวเล็กน้อยพร้อมคิดในใจเบาๆ ว่า “ไม่รู้”
ผู้ถามได้คำตอบที่พอใจแล้วก็เดินยิ้มจิ้มลูกตาลสดกินต่อไปอย่างมีความสุข ทำให้ผมเกิดอาการรู้สึกผิดว่านี่ผมกำลังโกหกภรรยานี่หว่า เลยสลับจากทำงานไปหาข้อมูลสักหน่อยเผื่อที่ตอบไปมันถูกต้อง
เริ่มแรกก็หาคุณค่าทางอาหารของลูกตาลสดก่อนเลย
ต้นไม้ที่เราเรียกว่าต้นตาลโตนดในภาษาไทยนี่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Palmyra Palm หรือ Toddy Palm เป็นพืชที่มีต้นกำเนิดอยู่แถวๆ เอเซียบ้านเรานี่เอง และวัฒนธรรมต่างๆ ในเอเซียของเราใช้ประโยชน์จากต้นตาลมากันอย่างยาวนาน เรียกได้ว่าทุกส่วนของต้นตาลเราใช้ประโยชน์ได้หมด
สำหรับการใช้เป็นอาหารเราใช้อยู่สามส่วน ส่วนแรกคือ “น้ำตาล” ซึ่งคือน้ำจากยอดต้นตาลที่ต้องปีนขึ้นไปปาดยอดเพื่อให้น้ำตาลนี้ไหลลงมาในกระบอก การปีนขึ้นไปนี่คือการไป “ปาดตาล” นั่นเอง
น้ำตาลที่ได้มานี่เอามาเคี่ยวให้แห้งก็จะได้ “น้ำตาลปึก” ที่เราใช้ปรุงอาหารกัน ซึ่งสมัยโบราณก่อนที่เราจะรู้จักต้นอ้อยที่นำเข้ามาจากทวีปอเมริกา น้ำตาลจากต้นตาลนี่คือแหล่งของความหวานที่คนไทยใช้ปรุงอาหารกัน
น้ำตาลนี่นอกจากเอาไปทำน้ำตาลปึกแล้ว ถ้าเอามาหมักสักหน่อยก็จะได้ “น้ำตาลเมา” กินอร่อยดีนักแล เสียดายที่รัฐบาลไทยไม่ยอมให้ชาวบ้านหมักน้ำตาลเมากินกันเอง หากรัฐบาลใจกว้างสักนิด ตอนนี้เราคงมีน้ำตาลเมาส่งออกไปทั่วโลกแล้ว เพราะคนไทยเราพัฒนาวัฒนธรรมในการหมักน้ำตาลเมากันมาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่ายุคโบราณนั้น ไม่มีเหล้า ไม่มีเบียร์ ถ้าจะเมาก็ต้องน้ำตาลเมาเท่านั้น
อีกสองส่วนที่เราใช้ทำอาหารกันคือส่วนที่มาจากลูกตาล ส่วนแรกคือ “เนื้อลูกตาล” ซึ่งกินโดยตรงไม่ได้ เราจะต้องขูด “เนื้อ” ออกจาก “เยื่อลูกตาล” เสียก่อน พอได้มาแล้วส่วนใหญ่ก็เอามาผสมแป้งข้าวเจ้าทำขนมลูกตาลกัน ผมไม่เคยเห็นว่าเราเอาเนื้อตาลมาทำอย่างอื่นกันด้วย เดาว่าคงไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ และการจะขูดเนื้อตาลสีส้มๆ ออกมาได้นี่ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกนักและเสียเวลา คนคงไม่ค่อยอยากทำกัน
ส่วนสุดท้ายคือส่วนที่ผมชอบกินได้แก่ “ลูกตาล” ซึ่งที่แท้จริงเป็นเมล็ดของลูกต้นตาลโตนด แต่เนื่องจากเนื้อตาลมันดูเหมือนเปลือก คนไทยเราจึงเรียกเมล็ดนี้ว่าเป็นลูกตาลแทน
ลูกตาลนี้เนื้อจะนิ่มๆ เหมือนเยลลี่และมีรสหวานหอมอ่อนๆ มีน้ำหวานๆ อยู่ข้างในสุด ถ้าได้กินนี่อร่อยกันจนลืมอิ่ม และนี่คือสิ่งที่ อ.จัน กำลังนั่งกินอย่างมีความสุขเพราะเชื่อผมว่ากินแล้วลดความอ้วนได้ หารู้ไม่ว่าผมกำลังนั่งหาข้อมูลและพิมพ์บันทึกนี้ด้วยความหวาดเสียวว่าสิ่งที่ผมตอบไปนั้นมันจะไม่ถูกต้อง
ปรากฎว่าในปริมาณประมาณ 100 กรัมเนี่ย ลูกตาลสดประกอบด้วยน้ำไปแล้ว 77 กรัม คาร์โบไฮเดรตอีก 21 กรัม โปรตีน 1 กรัม ไม่มีไขมันและไฟเบอร์ ที่เหลืออีก 1 กรัมเป็นวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ อย่างละเล็กอย่างละน้อย ไม่ได้มีอะไรมากเป็นพิเศษ ที่จะดูสำคัญก็ได้แก่แคลเซียมและฟอสฟอรัสที่จะเยอะขึ้นมาหน่อย เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับน้ำมะพร้าวอ่อน
ดูจากปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่จัดไปถึงเกือบหนึ่งในสี่ของปริมาณทั้งหมดแล้ว กินลูกตาลสดไม่ได้ช่วยให้ลดความอ้วนได้แน่ๆ เพราะไม่ได้ต่างจากการกินน้ำผลไม้เลย
อย่างไรก็ตามหากมองในประโยชน์เพื่อสุขภาพแล้ว ลูกตาลเป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์มากทีเดียว ทั้งน้ำ น้ำตาล และวิตามินต่างๆ ที่มี ไม่แปลกเลยว่าลูกตาลจะเหมาะสำหรับการเป็นอาหารดับร้อนแก้กระหายในหน้าร้อนได้เป็นอย่างดี
แต่มันไม่ได้ช่วยลดความอ้วนได้เลยหากกินเข้าไปมากๆ แถมจะช่วยเพิ่มความอ้วนอีกต่างหาก และ อ.จัน ก็กินไปแล้วหนึ่งจานใหญ่ๆ ในขณะที่ผมกำลังเขียนบันทึกอยู่นี่
ผมจะทำยังไงดีเนี่ย?
กินบ้างก็คงได้นะคะ
จะได้มีความสุขบ้างค่ะ
ถือว่าดื่มน้ำ ดับกระหาย ก็แล้วกันครับอาจารย์
นานๆกินทีครับ
555 ผมนึกถึงน้ำตาลเมาหรือหวาก ของใต้เลย
ถ้ารัฐบาลสนับสนุนนะ
โอโหสาเกญี่ปุ่นเทียบไม่ติด แถมมีเหล้าขาวตะเครียะสงขลาด้วย ใสเป็นตาตั๊กแตน
รัฐบาลกลัวเหล้านอกขายไม่ได้
5555555
555 ภรรยาที่เคารพ burn ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ชอบลูกตาลโตนดอ่อน ๆ นะจ๊ะ
แต่ไม่ค่อยจะได้กินนัก แถว ๆ บ้านคุณมะเดื่อ
ไม่ค่อยจะมีต้นตาลแล้ว ที่เหลืออยู่
ก็ไม่มีใครจะปีนต้นขึ้นไปเก็บผล
เอามาขายแล้ว ต้องไปแถว ๆ
เมืองเพชรก็พอจะหาได้จ้ะ
คุณมะเดื่อยังกินลูกตาลสดได้อีกเยอะ
เพราะน้ำหนักจะหย่อนกว่าเกณฑ์
อยู่อีกสองสาม กก.จ้าา