กินวุ้นกันไหม
เชื่อว่าเราทุกคนน่าจะรู้จักวุ้น ขนมหยุ่นๆนุ่มปาก ยิ่งได้กินแบบแช่เย็นยิ่งชื่นใจ หากใครที่เลยวัยเด็กมานานแล้ว อาจลืมความสุขในการชิมรสขาดของขนมหยุ่นๆนี้ ที่เชื่อว่าในวัยเด็กของทุกคนคงคุ้นเคยและผูกพันกับมันแน่นอน ส่วนตัวผมเองนั้นแม้ว่าวัยเด็กนั้นล่วงเลยมานานพอตัวแล้วก็ตาม แต่ยังคงมีความผูกพันกับขนมหวานทุกชนิดอยู่ไม่ขาดไม่รู้ว่าเพราะยังมีอายุสมองเป็นเด็กอยู่รึเปล่าก็ไม่สามารถบอกได้ แต่ขนมอร่อยๆก็สามารถสร้างกระบวนการเรียนรู้ได้เหมือนกัน อย่างเช่นเรื่องราวเล็กๆที่เกิดขึ้นในสมาคมฯเมื่อวานนี้ เราชาวอิสรชนได้สร้างกระบวนการเรียนรู้เล็กๆให้เกิดขึ้นในพื้นที่จำกัดที่ไม่ได้กว้างขวางของพวกเรา ร่วมกับเด็กเร่ร่อนตัวน้อยๆ ที่มายึดเอาสำนักงานของพวกเราเป็นโรงเรียนชั่วคราวในช่วงกลางวัน
ครูทำไรอ่ะผมไม่ทำหรอก...ครับ แม้คำว่า “ครับ” จะออกมาได้ยากไปสักหน่อยเพราะความไม่คุ้นเคยของเด็ก แต่สุดท้ายก็หลุดออกมาจนได้ พร้อมๆกับเสียงหัวเราะของพวกเรา ทั้งขบขันทั้งเอ็นดู พร้อมๆไปกับความภาคภูมิใจของทีมงาน ที่อย่างน้อยก็เริ่มเห็นพัฒนาการทางคำพูดของพวกเค้าขึ้นมาบ้าง สายตางงๆมองไปยังน้ำใสๆที่ยังไม่มีสีสันอะไรเลยซึ่งเดือดปุดๆอยู่ในกระทะ “ไหนวุ้นล่ะครู” ด้วยความอยากรู้และไม่เข้าใจ “ครูบอกจะทำวุ้น” เป็นคำถามที่ทำให้พวกเราเผลอยิ้มออกมาได้อย่างไม่รู้ตัว หลังจากรอจนผงวุ้นและน้ำตาลละลายดีแล้ว เราจึงแบ่งน้ำวุ้นใสๆออกมาเป็น 3 ชาม “วันนี้ทำแค่ 3 สีนะครับ” เอาสี แดงใส่ในชามนี้ อันนี้สีเขียว แล้วอันนี้สีเหลือง เราเริ่มเห็นความสนใจของพวกเค้าขึ้นมาบ้างหลังจาก นำใสๆเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็น น้ำสีเขียว สีเหลือง สีแดง
เสียงหัวเราะเริ่มดังขึ้นเมื่อพวกเค้าสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการหยอด น้ำวุ้น 3 สี ใส่พิมพ์รูปต่างๆ แม้วุ้นจะทำให้วุ่นอยู่บ้างในช่วงแรก แต่สุดท้ายก็ได้เห็นความตั้งใจ เฮ้ยไอ้....หก แล้วนั่นน่ะ ไม่เห็นหรือไง ....ทำ...อะไรไม่ระวัง แม้บางขณะเมื่อลืมตัวคำเหล่านี้จะหลุดออกมาบ้าง แต่ก็เป็นเพียงความเคยชินที่พวกเรามั่นใจว่าอีกไม่นานจะหายไปจากคำพูดของพวกเค้าได้หมด หลังจากที่วุ่นวายอยู่พักใหญ่ ทุกคน รวมถึงทีมงานก็เริ่มมีสมาธิอยู่กับ การค่อยๆหยอดวุ้นลงในถาดเพิ่มมากขึ้นไปพร้อมกันด้วย เมื่อสมาธิมา บางคนเริ่มคิดที่จะผสมสีให้มีเพิ่มมากขึ้นโดยการเอาสีที่มีมาหยอดรวมกัน หรือเริ่มเรียนรู้วิธีที่จะทำให้เป็นชั้นโดยการหยอดสีหนึ่งแล้วรอให้แข็งก่อนแล้วค่อย หยอดสีอื่นตาม เมื่อได้เริ่มมีการทดลองใหม่ๆเกิดขึ้น ก็เริ่มมีเสียงดังตามมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นการอวดผลงานของตัวเอง การได้ผสมสีและคิดวิธีการใหม่ๆดูจะเป็นความภาคภูมิใจที่ทำให้วันนี้อิ่มอกไปได้ทั้งวัน “ครูๆของหนูแข็งแล้ว” “นี่ครูอันนี้ของหนู” แม้มีแค่ 2-3 คนแต่เสียงนั้นเหมือนมากันเป็นกองทัพ เมื่อหยอดเสร็จก็ได้เวลาลำเลียงเข้าตู้เย็น เห็นได้ชัดถึงความกระสับกระส่าย ทุกคนเดินวนไปเวียนมาอยู่รอบตู้เย็น ดูเหมือนทุกคนจะหิวน้ำมากกว่าปรกติ เปิดตู้เย็นได้ทุก 2 นาที ครูมันเย็นแล้ว ครู....ครู.....ครู เอาหละยังไงก็คงต้องเอามากินกันแล้ว ไม้งั้นไม่เป็นอันได้ทำอะไรแน่นอน สีหน้าของแต่ละคนยิ้มแย้มและตื่นเต้นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าวุ้นในวันนี้จะอร่อยกว่าที่คิด เพราะเอาออกจากตู้เย็นได้ไม่นานทุกคนก็กินหมดไม่มีเหลือ ผิดคาด! เพราะพวกเราคิดไว้ว่าจะเก็บไว้เลี้ยง (ล่อ) เด็กๆไปได้อย่างน้อย 2 วัน แต่ภาพตรงหน้ากลับเป็นว่า มันหมดภายใน ไม่ถึงชั่วโมง
จากกระบวนการเรียนรู้ที่ทั้งอิ่มทั้งสนุกนี้ เราเห็นเด็กๆนั่งมองถ้วยวุ้นเปล่าอยู่นานทีเดียว เชื่อว่าวุ้นที่ทุกคนได้ทำคงไม่อร่อยไปกว่าตามร้านขาย แต่ความภาคภูมิใจ การได้ร่วมเล่น ทำให้กินได้จนหมดไม่รู้จักเบื่อ ทุกครั้งที่เด็กค่อยๆหยอดวุ้นลงไปในพิมพ์ พวกเค้าได้หยอดตัวเองใส่เบ้าหลอมไปด้วยทีละน้อย การได้ทำอย่างใจจดใจจ่อ ได้เรียนรู้ที่จะระมัดระวัง เพราะพวกเค้ารู้ว่าหากหก คงอดกินขนมแสนอร่อยนี้แน่นอน จากขนมหยุ่นๆนุ่มลิ้นที่ใครหลายคนหลงลืม มาสู่กระบวนการเรียนรู้ที่ทั้งครูและนักเรียนต่างได้รับอะไรบางอย่างกลับไปเป็นความทรงจำของตัวเอง หากเพียงผู้ใหญ่ไม่หลงลืมวัยเด็กของตัวเองกระบวนการเรียนรู้เหล่านี้คงเกิดขึ้นได้ไม่ยาก ในทุกโอกาสทุกการเล่นสนุก แล้วสิ่งที่เราพยายามยัดเยียดให้กับเด็กในวันนี้คืออะไร สมวัยของพวกเค้ารึเปล่า เพราะวันนี้ผมไม่เห็นความเป็นเด็กแล้วแม้จากคนอายุ 5 ขวบ หรือว่าในวันนี้คนที่จะใช้ชีวิตได้ต้องเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่ 3 ขวบก็ไม่รู้
กสิณ กสิกรรม
เป็นวุ้นที่อร่อยและสนุกมากจริงๆ..ส่งใจให้คนพี่ทำงานกับน้องๆเด็กเร่ร่อนทุกคน..ขอให้มีความสุขและสุขภาพแจ่มใสเช่นนี้เรื่อยไปค่ะ
ปล.ตอนนี้ทำงานเขานิยมเต้าหู้นมสดกับน้ำสำรองค่ะ..ลองฝึกเด็กทำดูก็น่าจะดีนะคะ..เพราะกระบวนการทำทานเองมากๆไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด