เซอร์ คริสโตเฟอร์ เรน เป็นสถาปนิกชาวอังกฤษที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ เขารับหน้าที่ปรับปรุงโบสถ์ 51 แห่ง ในนครหลวงลอนดอน หลังเกิดเหตุเพลิงใหม้ครั้งใหญ่ ในปี ค.ศ. 1666 รวมถึงการออกแบบและก่อสร้างผลงานชิ้นเอกอย่าง มหาวิหารเซนต์พอล ซึ่งใช้เวลาสร้างกว่า 35 ปีกว่าจะแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1710
วันหนึ่งในระหว่างการก่อสร้างมหาวิหารเซนต์พอล คริสโตเฟอร์ เรน คิดอยากไปติดตามงานที่ตนได้ออกแบบขึ้น จึงเดินทางไปที่สถานที่ก่อสร้าง บรรดาคนงานก่อสร้างทั้งหลายไม่มีใครรู้จักหน้าตาของสถาปนิกคนนี้ นอกเสียจากหัวหน้างานบางคนเท่านั้น
คริสโตเฟอร์ เรน เข้าไปถามคนงานคนหนึ่งว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ คนงานคนนั้นตอบว่ากำลังตัดหินตามที่ได้รับคำสั่งจากหัวหน้าคนงาน สถาปนิกคุยกับคนงานคนนั้นสักครู่จึงเดินตรวจงานต่อไป เขาถามคนงานอีกคนด้วยคำถามเดียวกัน คนงานคนที่สองตอบว่า เขามาทำงานหาค่าแรง 5 ชิลลิ่ง 2 เพนนีต่อวัน
จนกระทั่งมาถึงคนงานคนที่สาม ด้วยคำถามเดียวกัน แต่คำตอบที่สถาปนิกได้รับก็คือ "ผมมาช่วย คริสโตเฟอร์ เรน สร้างมหาวิหารที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก" ทั้งๆ ที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่เขากำลังคุยด้วยคือ คริสโตเฟอร์ เรน
คนงานทั้งสามคนที่คุยกับคริสโตเฟอร์ เรน ก็ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ในทุกวันนี้ แต่ดูเหมือนว่า คนที่ออกจากบ้านมาทำงานและกลับบ้านด้วยความสุขกว่าคนอื่นๆ ในบรรดาชายทั้งสามคน คือชายคนสุดท้าย เพราะเขารู้ว่าเขามาทำอะไร เพื่ออะไร และที่สำคัญเขามีความภาคภูมิใจในสิ่งที่เขามีส่วนร่วม
ฉันแบ่งปันเรื่องเล่านี้ให้เพื่อนร่วมงานฟังในระหว่างการทำหน้าที่ชี้แจงเป้าหมายขององค์กรประจำปีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
เป้าหมายในการทำงาน เป้าหมายขององค์กร แม้จะดูยากและซับซ้อนแต่ก็เป็นเป้าหมายภายนอกที่เราวัดความสำเร็จได้ในทุกปี....แต่ความสำเร็จในการถึงเป้าหมายภายในนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
พยายามต่อไปค่ะ...
สุข สงบ ยามเช้าวันมาฆบูชา
ขอให้วันนี้เป็นวันที่เราทุกคนพบความสำเร็จในเป้าหมายภายใน ในการทำความดี ละเว้นความชั่ว และมีจิตใจที่บริสุทธิ์ สดใส งดงามนะคะ