" แลกเปลี่ยน - เรียนรู้กัน "
ปันความรู้ สู่น้องๆ : ผมได้ยินบ่อยครั้ง ว่ากันว่า วิชาประวัติศาสตร์
เป็นวิชาที่น่าเบื่อ... ไม่ค่อยมีใครอยากเรียนกันเท่าไหร่ ............
แต่ดันมีคนส่วนหนึ่งรู้สึกชอบและรักในศาสตร์ ศาสตร์นี้
ผมเอง เป็นหนึ่งในคนกลุ่มนั้น จะบอกว่าคลั่งประวัติศาสตร์
แบบหัวชนฝาก็ได้ ...........................................................
แรกเริ่ม เดิมที :
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา
" พิพิธภัณฑสถานแห่งนี้ เริ่มต้นสร้างเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2500
ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาล ที่ 9 เสด็จ
พระราชดำเนินทอดพระเนตรโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุที่ยึดไว้ได้เป็น
ของกลางหลังถูกลักลอบขุด ที่กรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ สิ่งของ
ต่างๆถูกนำมาเก็บรักษาไว้ที่กองกำกับการตำรวจภูธรพระนครศรี -
อยุธยา ก่อนพิพิธภัณฑ์จะถูกสร้างจนแล้วเสร็จ
26 ธันวาคม 2504 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสร็จพระราชดำเนิน
มาทรงเปิดพิพิธภัณฑ์ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ
ให้อัญเชิญพระนามสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา)
ผู้สร้างพระปรางค์วัดราชบูรณะเป็นนามของพิพิธภัณฑ์........
นี่ก็เป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับความเป็นมาของพิพิธภัณฑสถาน
แห่งนี้....
ผมมีโอกาส เป็นผู้แทนนำชมเรื่องราวต่างๆ ที่จัดแสดงภายใน
พิพิธภัณฑ์ แก่น้องๆโรงเรียนสัตหีบวิทยาคม ที่เดินทางมาจาก
จังหวัดชลบุรี.... น้องๆรับฟังการบรรยายข้อมูลทางประวัติศาสตร์
ที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์ กันอย่างตั้งอกตั้งใจ....................
ภายในเป็นอาคาร 2 ชั้น : ชั้นล่างมีเศียรพระธรรมมิกราชขนาดใหญ่
ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเรียกกันว่า " เศียรพ่อแก่ " สันนิษฐานตามข้อมูลว่า
ถูกสร้างไว้ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เป็นศิลปะรุ่นราว
คราวเดียวกันกับหลวงโต วัดพนัญเชิง
นี่เป็นภาพเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา ซึ่ง
ถ่ายรูปกับเศียรพ่อแก่ (เศียรพระธรรมิกราช) เมื่อ 2558 งานพิธี
บวงสรวงพระบรมสารีริกธาตุครับ... และภายในพิพิธภัณฑ์ชั้น 1
ก็ยังมีศิลปวัตถุสำคัญๆน่าสนใจอีกแยะเลย เช่น บานประตูไม้แกะ
สลักจากวัดพระศรีสรรเพชญ์ ที่หลงเหลือหลังคราวเสียกรุง อีกทั้ง
หน้าบัน จากวัดแม่นางปลื้ม มีครุฑโขนเรือ พระพุทธรูปสำริดอีก
มากตั้งแต่ศิลปะแบบลพบุรี อยุธยา อู่ทอง และอินเดียด้วย.......
ชั้น 2 : มีสองห้องสำคัญที่ต้องห้ามพลาดในการชม คือ ห้องวัด
มหาธาตุ และ ห้องกรุวัดราชบูรณะ จัดแสดงเครื่องทองคำต่างๆ
ห้องวัดมหาธาตุ : จัดแสดงพระบรมสารีริกธาตุ ที่ขุดพบภายใน
องปรางค์ชั้นใต้ดิน วัดมหาธาตุ อีกทั้งยังมีปลาทองคำเขียนลาย
ทำจากหินอ่อนสีเขียว และเครื่องประดับ ซึ่งเชื่อว่าสร้างอุทิศแก่
ผู้ตาย (เครื่องประดับผู้หญิง สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นผู้หญิงชนชั้น
ที่มีฐานนะขึ้นไป)
ด้านหลังผม เป็นบุษบก พร้อมกับต้นไม้เงินต้นไม้ทอง
ที่ท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม ถวายเป็นพุทธบูชา
เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่ห้องวัดมหาธาตุ
( เมื่อครั้งจัดพิธีบวงสรวงพระบรมสารีริกธาตุ ผมได้รับ
อนุญาตุจากทางพิพิธภัณฑฯ ให้เข้าร่วมพิธีได้ในฐานะ
ช่างภาพพิพิธภัณฑ์)
ส่วนห้องกรุวัดราชบูรณะ : จัดแสดงเครื่องประดับต่างๆ
เครื่องราชูปโภค และสำคัญ เห็นจะเป็นทองคำเครื่อง
ราชกกุธภัณฑ์ มีพระแสงขรรค์ ทำจากเหล็กน้ำพี้พร้อม
ฝักทองคำประดับพลอยและอัญมณีสีต่างๆ ที่ยึดไว้ได้
หลังมีคนลักลอบและนำพระแสงขรรค์ไปรำที่ตลาดหัวรอ
(เล่ากันว่า น่าจะเป็นอาถรรถ์ที่ทำให้ผู้ลักลอบไปเกิดเหตุ
วิปริตเป็นบ้า แล้วนำพระแสงขรรค์ไปรำ กระทั่งมีการจับ
และยึดไว้ได้)
อยากบอกว่าสิ่งของมีค่าสำคัญๆ ที่จัดแสดง หลงเหลือ
แต่เพียงน้อยนิด 6 - 10 % เท่านั้นที่หลงเหลือจากการ
ลักลอบขุดกรุวัดราชบูรณะ น่าเสียดายสิ่งของเหล่านั้น
เครื่องทองคำและของมีค่าอื่นๆถูกคนร้ายขนไปจนเกลี้ยง
หากท่านมีโอกาสเดินทางไปเที่ยวชมกรุงเก่า อยากเชิญ
ชวนให้แวะไปชมพิพิธภัณฑสถานแห่งแรก ที่ในหลวง
รัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานในพิธี
เปิดพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วยพระองค์เองครับ..................
....................................บรรณกร..............................................
ไม่มีความเห็น