จะตามฉันไปถึงไหนล่ะคุณงู


สัปดาห์สุดท้ายของปี เป็นความโชคดีของชีวิตที่ยังรู้ว่า "ฉันยังมีลมหายใจอยู่" และลมหายใจดังกล่าวก็มาพร้อมกับความเป็นธรรมชาติของชีวิต ความอยากได้ ความขุ่นเคือง ความไม่รู้/เลอะเลือน ยังคงซ่อนสุมอยู่ในชีวิตนี้

สัปดาห์นี้หลายคนคงลาการทำงานในชีวิตประจำวัน หันความคิดไปสู่การท่องเที่ยวบนพื้นแผ่นโลกที่มีอย่างแตกต่างบนความไม่แตกต่าง โลกใบนี้ช่างน่าอภิรมย์บนอารมณ์ที่ยังกวัดแกว่ง แต่บนความกวัดแกว่งก็มีช่องว่างจากความน่าอภิรมย์อยู่อย่างไม่ขาดสายหากชีวิตดังกล่าวนี้ขาดสติ

ประมาณหัวค่ำของเมื่อวาน กำลังนั่งกินอาหารเย็นภายในบ้านฝั่งแม่ (บ้านแฝด/ครัวถึงกัน/ซีกซ้ายติดถนนซอย) พร้อมกับสาวน้อยและอา ประตูข้างเปิดอ้าเพื่อรับลมและอากาศเย็นๆในช่วงค่ำ คนเดินเข้าบ้านหลังสุดลืมปิดประตูมุ้งลวด ประตูมุ้งลวดจึงแง้มห่างออกประมาณหนึ่งฟุต ระหว่างนั่งคุยกับนั่งทานอาหารเย็นกันนั้น อาทานเสร็จก่อน จึงใช้สีข้างพิงผนังหันหน้าไปทางประตู สาวน้อยหันหลังให้ประตู (ทางออกนอกบ้าน/ประตูที่แง้มมุ้งลวด) ผมกำลังก้มหน้าประดิษฐ์ประดอยคำข้าวแฉะ (ข้าวต้มแต่ต้มนานไปหน่อยจึงเป็นโจ๊ก) ได้ยินเสียงอาพูดดังขึ้นแบบตกใจว่า "เฮ้ย ๆ ๆ ระวังๆ" แต่ก็ยังนั่ง (ทราบภายหลังว่า ก้าวขาไม่ออกเพราะไม่คิดว่าจะมีงูเข้าบ้าน) เสียงดังที่ผิดปกติ สาวน้อยมองหน้าอา แล้วหันไปทางที่อาส่งสายตาไปแบบตกใจ เมื่อเธอเห็นจึงกรี๊ดเสียงลั่นบ้าน พร้อมกับวิ่งเข้าไปทางประตูซีกบ้านแฝด ปิดประตูครัวอย่างฉับพลัน เข้าไปนั่งร้องกรีสเสียงลั่นในบ้านนั้น (เธอเป็นคนกลัวงูอย่างยิ่ง ถ้าเจอจังๆ อาจตกใจสลบ ในคราวไปต่างพื้นที่ช่วงค่ำผมจะไม่ปล่อยให้เธอขับรถเด็ดขาด เพราะเกรงเรื่องงูตัดหน้ารถ ความตกใจอาจส่งผลต่อคุณภาพการขับรถ) ส่วนผมหันไปมองเป้าหมายสายตาของอาเช่นกัน "เฮ้ยงู" เป็นการอุทานแต่ไม่ได้เสียงดัง พร้อมกับนั่งนิ่งและคิดว่า จะแก้ปัญหาอย่างไร สายตามองไปที่ร่างกายของมันซึ่งเลื้อยไปซุกใกล้ตู้กับข้าวแนบซิงค์ล้างจาน น้องชายและแม่ได้ยินเสียงผิดปกติ จึงวิ่งออกมาจากบ้านเข้ามาในครัว คนข้างบ้านมาดูด้วย อาจจะเพราะได้ยินเสียงผิดปกติ งูยังคงนิ่งอยู่ที่ซอก มีคำแนะนำให้เอาไม้มาเขี่ย แต่ก่อนเขี่ยเพื่อให้คุณงูออกจากบ้าน ก็ต้องปิดช่องทางอื่นๆก่อน รองประธานสภาเทศบาลฯ เดินเข้ามาดู พร้อมกับในมือถือไม้เตรียมไว้เขี่ย แต่ก็ต้องหวาดกลัวเหมือนๆกัน เพราะงูตัวไม่เล็ก ช่วงอวบสุดน่าจะประมาณนิ้วกว่า ช่วงยาวประมาณน่าจะเมตรครึ่งกว่า แต่ละคนพยายามยืนอยู่บนที่สูง เพราะเกรงว่า เมื่อคุณงูตกใจ เขาจะวิ่งมาชนที่ขา เมื่อจัดการพื้นที่เรียบร้อย น้องชายใช้ไม้แหย่ คุณงูตกใจจึงเลื้อยเข้าไปใต้บันได ซึ่งเป็นที่เก็บของ เราต้องรื้อของใต้บันไดออกทั้งหมด แล้วเห็นคุณงูนอนขดอยู่ดังภาพ เมื่อจัดการพื้นที่เสร็จ ผมจึงใช้ไม้ยาวเขี่ย คุณงูคงตกใจกลัว พรวดขึ้นสูงประมาณฟุตกว่า ทำเอาผมต้องถอยด่วน ในใจคิดว่า ไม่ได้ต้องการจะทำร้ายหรอก ขอให้ออกไปจากบ้าน ทางใครทางมัน รู้สึกได้ว่าเมื่อมันกระโดดพรวด มีความรู้สึกชาวาบตั้งแต่ศีรษะไปถึงกระดูกสันหลัง นี่น่าจะคือภาวะความกลัวที่เกิดจากการสร้างด้วยตัวของเราเอง ในคราวที่เราขาดสติ (ลืมตัว) แต่ก็ไม่ละความพยายาม คราวนี้ใช้ไม้แหย่เบาขึ้น คุณงูคงกลัวจึงรีบเลื้อยยาวไปทางประตูเข้าภายในบ้านซึ่งไม่มีบานประตู (ครัวทางซีกซ้ายมีประตู ๓ บาน บานแรกเป็นประตูทางเข้า/ออก มีมุ้งลวดที่งูเข้ามา บานที่สองไม่มีประตูเพราะเป็นทางเข้าไปในตัวบ้านจากห้งอครัว บานที่สามมีประตูบานเลื่อน เป็นประตูปิดห้องครัวของครัวอีกบ้านหนึ่งทางบ้านซีกขวา) แต่มีของวางกั้นไว้ ระหว่างของที่กั้นไว้มีช่อง เขาจึงเลื้อยไปทางช่องนั้น เข้าไปในบ้านไปประจำอยู่ใต้เตียงไม้สักขนาดนอนได้สองคน ตั้งแต่งูเข้ามาจนเวลาที่งูเข้าไปใต้เตียง ใช้เวลาและความกล้าๆกลัวๆกันพอสมควร มองหน้าแต่ละคนหน้าบ่งบอกว่า "กลัว" แต่บางคนกลัวแล้วยังอยากรู้อยากเห็น เมื่ออาใช้นี้วจี้ที่ตัว ก็ร้องลั่นเพราะคิดว่างู เป็นต้น สุดท้ายรองประธานฯ จึงโทรไปเทศบาลฝ่ายป้องกันสาธารณะฯ ใช้เวลาพอสมควร ๒ ชายวัยกลางคนร่างกายกำยำพร้อมด้วยเครื่องมือสำหรับจับงู สองท่านใช้เวลาไม่นานเขาจึงสามารถจับได้ แล้วนำไปใส่ในถุง ปิดปากเรียบร้อย ทราบจากปากของผู้กล้าว่า "เป็นงูสิงดงผสม จะพาไปปล่อย ไม่ได้พาไปฆ่า" งูโดนจับไปแล้ว แต่คนในบ้านยังผวากันไม่หาย โดยเฉพาะสาวน้อยขึ้นไปนอนชั้นบนล๊อกประตูห้องเรียบร้อยด้วยความกลัวงูจะปีนขึ้นไปบนบ้าน ส่วนอา แม่ และทุกคน จะเดินออกนอกห้องและหลังบ้านเป็นโรงรถ ทุกคนระแวงเรื่องงูกัน กลัวงูเข้าไปในรถ กลัวงูเข้าห้องน้ำ กลัวงูฯลฯ

เกี่ยวกับความกลัวงู ทั้งที่ไม่รู้ว่างูนั้นมีพิษหรือไม่ ถ้าเป็นงู เราจะสร้างตัวของงูและสร้างตัวตนแห่งความกลัวต่องูภายในตัวตนนั้น แท้จริงงูก็กลัวคนเหมือนกัน ทำไปทำมาต่างคนต่างกลัว แต่ละคนจึงสร้างเครื่องมือบางอย่างเพื่อป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้นหากสิ่งที่กลัวนั้นเป็นจริง ผมเป็นคนหนึ่ง หลังจากงูเลื้อยขึ้นหน้าอก (บันทึกนี้) ผมเริ่มระแวงงู แต่งูตัวล่าสุดใหญ่และยาวกว่างูตัวก่อนนั้น และดูมันน่ากลัว โดยเฉพาะช่วงที่มันกระโดดเข้ามา

ผมยังคงไม่ละความอยากรู้ว่า งูที่พบนั้นคืองูอะไร ที่ผู้กล้าบอกไว้ว่าเป็นงูสิงดง ผมก็ไม่เคยได้ยิน ที่เคยได้ยินและเห็นแค่งู "สิง" ทั่วไป ถ้าเป็นงูสิงห์เพื่อนๆเขาเอาไปแล่เนื้อผัดเผ็ด ได้ข่าวว่าแซบนักแล สมัยอยู่บ้านนอกจะพบบ่อยและรู้ว่ามันกลัวคน ผมเห็นมันผมจะวิ่งไปหยอกให้มันหนี แต่รอบนี้ผมเห็นแล้วผมรู้สึกกลัว ผมเข้าไปค้นหาความรู้จาก "ครูกู" ทบทวนความคิด ชีวิตกับความกลัว นึกถึงงูตัวที่เลื้อยบนหน้าอกเมื่อครัั้งที่อยู่จังหวัดปทุมธานี-พระนครศรีอยุธยา ผมอุตส่าห์มาหางานทำที่สงขลา ก็ไม่วายต้องเจองูอีก วันก่อนงูสายพานก็เลื้อยขึ้นบนชั้นสามของที่ทำงานอีก ตกลงจะตามฉันไปถึงไหนเนี่ยคุณงู

ในไลน์กลุ่มญาติพี่น้อง มีการโพสน์ภาพงูเข้าบ้าน ต่างคนต่างถามบ้านเลขที่ และตีออกมาเป็นเลขเรียบร้อย นี่แหละหนาคนไทย เกิดอะไรผิดปกติก็ต้องเป็นตัวเลขเท่านั้น จริงๆแล้ว ต้นคิดคณิตศาสตร์/ตรรกวิทยา น่าจะเป็นคนไทยมากกว่าฝรั่งกระมัง

หมายเหตุ : ช่วงเช้าของวันเดียวกัน ผมลงมาชั้นล่างของบ้าน (บ้านแฝดซีกขวามือ ในห้องครัว มีประตู ๓ บานเหมือนกัน ทุกบานมีบานประตู) เดินเข้าห้องครัว มองเห็นประตูทางออกหลังบ้าน (เชื่อมต่อโรงรถ) เปิดอ้า (ช่วงกลางคืนมีญาติๆจากต่างอำเภอมานอนหลายคน เพื่อไปตลาดนัดข้างบ้านในช่วงเช้า) ประตูนี้เป็นประตูเหล็กติดมุ้งลวด ปกติเปิดอ้าเพื่อรับอากาศโดยไม่ได้มีความคิดอะไร แต่รอบนี้มีความคิดขึ้นว่า ใครเปิดไว้ กลัวงูเข้าบ้านจริงๆ (ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยคิดว่าจะมีงูที่ไหนเข้าบ้าน) ผมจึงไปปิดประตูนั้น ตกตอนค่ำ งูเข้าบ้านจริงๆ เป็นเป็นการเข้าทางบ้านอีกฝั่งหนึ่งเป็นบ้านแม่ที่ติดถนนและคูน้ำ ผมเริ่มตระหนักในบางเรื่อง บางเรื่องที่แวบความคิดเข้ามา ถ้าเราไม่มีสติ ความคิดนั้นก็จะถูกมองข้ามไป หมายถึง ไม่ได้อยู่ในสายตา แต่ถ้ามีสติเราจะจับความคิดอันแผ่วเบานี้ได้ ย้อนไปก่อนนั้นสักสัปดาห์ ญาติๆทำบุญเลี้ยงพระบ้านยายที่บางเหรียง อ.ควนเนียง (ไม่ได้ทำเพื่อสิ่งใด อยากทำบุญก็ทำ โดยนิมนต์พระมาฉันเพล) ส่วนผมก็กังวลอยู่ว่า อาจารย์ ดร.ปาริชาด ที่เคยสอนสมัยผมเรียน ป.โท ท่านเสียชีวิตด้วยโรคในร่างกาย ทำบุญที่วัดมกุฎฯ ก.ท.ม. ส่วนผมอยู่สงขลา อยากไปร่วมสักครั้งหนึ่ง แต่มองดูกระเป๋าเงิน เกรงจะไม่ถึงสิ้นเดือน หากต้องจองเครื่องไป-กลับและค่าใช้จ่ายระหว่างเดินด้วยความเริ่งรีบและสะดวกในกรุงเทพฯ ระหว่างที่พระสวดมนต์อยู่นั้น ผมมองดูพระอยู่นาน ตั้งแต่เริ่มต้น ในใจก็คิดหาวิธีว่าจะไปอย่างไร ทันทีที่หลับตา ปรากฏว่า มีแสงเหมือนกับสายฟ้าบางๆ วิ่งเป็นตัวเลขในเสี้ยววินาที แล้วผ่านหายไป ปกติถ้าไม่เอะใจก็ผ่านไปแบบไม่มีอะไร แต่ผมเอะใจ นั่งคิดอยู่พักหนึ่ง ปกติก็ไม่มีอะไร แต่รอบนี้ อ๊ะ ลองไปจดไว้สักหน่อย จึงลุกขึ้นไปจดไว้บนกระดาษ เหตุที่จดเพราะไม่ค่อยอยากใส่ใจและจำอะไรๆ พระสวดเสร็จ ญาติๆ ทานอาหารเที่ยงกัน และคุยกันจวบตกเย็น ผมนึกได้ว่าจดเลขไว้ ไหนๆ ก็ไหนๆ ลองซื้อหวยมาเลย์ที่ชาวบ้านเขาเล่นกันสักหน่อยสิ เลขสี่ตัว ๕ บาท ซ้ำๆ ๒๕ บาท (จำไม่ได้ว่าเรียกอะไร) พร้อมกับบอกสาวน้อยว่า ซื้อหวยมาเลย์ตะกี้ ถ้าถูกจะไปงานศพที่กรุงเทพฯ สาวน้อยบอกว่า ถ้าถูกพันสองพันจะไปหรือ ผมตอบว่า ถ้าต่ำกว่าสองพันก็คงไม่ไหว ค่าเครื่องไป-กลับแบบเร่งด่วนก็ไม่น้อยอยู่ ต้องมากกว่านั้นจึงจะไป สาวน้อยบอกว่า ถ้าอยากไปก็เอาเงินกองกลางไปก็ได้ ผมตอบไปว่า คงไม่ได้ (เพราะเงินกองกลางที่ผมใส่ไปนั้นในแต่ละเดือนไม่ได้มากอะไร ใส่ตามกำลังมนุษย์เงินเดือนที่มีภาระเหมือนๆกัน เป็นความตั้งใจเพื่อให้สาวน้อย ไม่ใช่เพื่อตัวผม) ตกตอนค่ำผมลืมไปแล้วเรื่องเลขที่ซื้อไว้ ขับรถมาส่งหลานภายในเมืองหาดใหญ่ พบน้าสาว น้าบอกว่า ผมถูกหวยมาเลย์ ผมงงว่า ถูกอะไร นึกได้ว่าซื้อเลขนั้นไว้ แต่จำไม่ได้ว่าเลขอะไร ได้แต่คิดว่า จริงหรือ พบว่า ถูกเลขรางวัลที่ ๒ เป็นเลข ๓ ตัวหลัง ส่วนเลขตัวแรกนั้น หัวกลับ ผมซื้อ "9" แต่มันออก "6" ทางคนรับซื้อว่า หากให้เขาจัดการให้ จะได้มากกว่านั้น ผมเพิ่งรู้ว่า คนเล่นหวยถ้าหากได้เลข 9 มา เขาจะซื้อทั้งเลข 9 และ เลข 6 ส่วนผมซื้อไม่เป็น แต่ก็ได้ค่าใช้จ่ายเพื่อไปงานบำเพ็ญกุศลศพของ อ.ปาริ์ฯ ที่กรุงเทพ ฯ เรื่องที่บันทึกยืดยาวนี้ เป็นเรื่องสนับสนุนส่วนตัวเกี่ยวกับ ความคิดหรือภาพบางอย่างที่โผล่ขึ้นมาแบบเบาบางในสมอง ไม่รับรองว่าจริงหรือไม่จริง มันอาจเป็นความบังเอิญก็ได้ อย่างกรณีงูที่เข้าบ้านทางฝั่งซ้ายมือ จริงๆ งูอาจเลื้อยไปในโรงรถซึ่งติดกับประตูทางที่งูเข้าบ้าน จากโรงรถเลื้อยเข้าไปทางประตูบ้านทางซีกขวามือก็ได้ อย่างไรก็ตาม ดีแล้วที่งูเข้าบ้าน ดีกว่าเขาไปซุกอยู่ในโรงรถอันเป็นที่เก็บของ ซึ่งอาจตามยากและมองไม่เห็น และถ้าเลื้อยเข้ามาทางห้องครัวฝั่งขวามือ สาวน้อยเดินลงมาคนเดียว อาจเกิดเหตุมากกว่าที่เป็น อย่างไรก็ตาม จากบทเรียนในชีวิต อาจเตือนผมว่า บางทีเรื่องเล็กน้อย เบาบาง เราก็ไม่ควรมองข้าม

คำสำคัญ (Tags): #งู#งูสิง
หมายเลขบันทึก: 620715เขียนเมื่อ 26 ธันวาคม 2016 09:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม 2016 09:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท