ไม่มีงานใดต่ำ ถ้าทำบนที่สูง
อาจารย์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่ง ที่ได้นั่งจับเข่าคุยเมื่อวาน
คนเรามันก็มีปัญหาด้วยกันมากมาย บางครั้งโชคชะตาและกรรมที่ทำมา
ส่งให้เราเดินไปไม่ถึงไหน
เลยระบาย กับอาจารย์ว่า ผมก็มีปัญหานะครับ.........................ร่ายยาวไปเลย
ไม่เี่ยวกับเนื้อหาวิชาเรียนเลย
ท่านก็แนะนำว่า คนเราต่างเหตุต่างผล แต่เมื่อเรามีหน้าที่ที่สำคัญหลายอย่าง เราก็ต้องพิจารณาว่าจะต้องทำอะไรในเวลาไหน บางครั้งเวลาก็บีบคั้นจนเราทำอะไรไม่ได้ ส่งผลให้รอบข้างรับผลกระทบกับเราไปด้วย
ทีนี้อยู่ที่เราแล้วว่า เราจะรับมือกับความหน่วงหนักได้แค่ไหน ถ้าไม่ไหวก็ปล่ยลงที่ใจ
พูดง่ายๆ ถ้าทันก็ทัน ถ้าไม่ทันคืิไม่ทัน
ฉะนั้น บางคนเลยต้องออกกลางคัน
บางคนก็ยังยืนอยู่ (ด้วยความที่อาจารย์เจอปัญหามาหลายรูปแบบของคนเรา ที่ฝ่างานการศึกษาด้วยความลำบาก)
อาจารย์บางท่านก็ไม่รู้อยู่แล้ว ว่านักศึกษาลำบาก
แต่อาจารย์ก็ต้องทำหน้าที่ของอาจารย์ ส่วนนักศึกษาก็ต้องทำหน้าที่ของนักศึกษา
ถ้าทำไม่ได้ นั้นหมายความว่าคุณไม่ผ่านบททดสอบ
บททดสอบที่ว่า มี 2 อย่าง
อย่างที่ 1 คือ บททดสอบในเชิงวิชาการของมหาวิทยาลัย
อย่างที่ 2 คือบททดสอบในเชิงวิชาชีตที่คุณต้องฝ่ามันไป
ทั้งสองอย่างมีความเหมือนและแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
อย่างที่สอง ต่างกันที่สุด
เพราะอย่างนี้แล้ว ให้เชื่อเถอะว่า ไม่ว่าเราจะยืนอยู่จุดใด อาจารย์ก็เชื่อว่า
คนดี อยู่ที่ไหนก็คือ คนดี
คนดี ทำอะไรต่อให้ไม่ประสบผลสมเร็จก็ตาม แต่ถ้าสิ่งที่ทำอยู่ ทำให้มีความสุข และความสุขต้องอยู่บนพื้นฐานของคำว่าถูกต้อง ชีวิตทั้งชีวิตก็ไม่ต้องแสวงหาอะไรอีก
อีกท่านก็แนะนำว่า การศึกาาที่ไปไม่ถึงไหน เพราะผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่ที่ว่า มี 3 ระดับ
1 คือ คนในกระทรวงที่ออกนโยบาย
2 คือ ครูผู้สอนในสมัยนี้
3 คือคนที่หนักที่สุดที่เข็ญผู้ที่เข้ามาศึกษาเข้าสู่การแข่งขันที่มีจุดหมายคือ ต้องรู้ ไม่ใช่เรียนรู้ (ผู้ปกครอง)
ไม่มีความเห็น