บทความเรื่อง How to Be a Better Forgiver ใน Scientific American Mind ฉบับเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม ๒๕๕๙ แนะนำหลัก ๔ ประการในเรื่องการให้อภัย
ในชีวิตส่วนตัวของผม ผมใช้หลักการให้อภัย ไม่ผูกใจเจ็บต่อคนที่เคยทำร้ายผมมาโดยตลอด จนครั้งหนึ่งคนที่เคยตั้งตัวเป็นศัตรูกับผมถึงกับมากราบ ว่าเขานึกไม่ถึงว่าผมจะดีต่อเขาถึงเพียงนั้น ในกรณีที่เขาถูกกล่าวหาเรื่องทุจริตและผมได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการสอบสวน
การทำสมาธิและแผ่เมตตาเป็นกลไกอีกอย่างหนึ่งที่เราใช้เพื่อสุขภาพจิตของเราได้ เมื่อกว่ายี่สิบปีมาแล้ว ตอนที่ผมมาทำงานที่ สกว. ใหม่ๆ คณบดีคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในขณะนั้นคือ รศ. พญ. พันธ์ทิพย์ สงวนเชื้อ ขอให้ผมลงไปคุยกับท่านเป็นการปรึกษาหารือเรื่องงานรวมทั้งเรื่องส่วนตัว ท่านเล่าความยากลำบากในการ ทำให้อาจารย์แพทย์บางคนอยู่ในร่องในรอย การที่ต้องขัดใจคนบางคนที่เห็นแก่ตัว และทำผิดระเบียบราชการเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ผมถามท่านว่า “แล้วพี่แก้ความเครียด ของตนเองอย่างไร” คำตอบคือ “พี่ใช้วิธีแผ่เมตตาทุกเช้าตอนนั่งทำสมาธิ”
อภัยทาน เป็นทานที่ยิ่งใหญ่ เป็นการให้ที่ผู้ให้เป็นผู้ได้ คือได้ฝึกฝนตนเอง การฝึกตนเองให้มีทักษะให้อภัย เป็นปัญญาอย่างหนึ่ง ... ปัญญาเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของคนอื่น
วิจารณ์ พานิช
๒๒ ต.ค. ๕๙
ขอบคุณมากค่ะอาจารย์หมอ การให้อภัยเป็นเรื่องที่ต้องฝึกจิตจริง ๆ ค่ะ
เวลาเราปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ จิตใจเราก้จะโกรธ ว้าวุ้นมากค่ะ เป็นสันชาติญาณดิบ ซึ่งปลากำลังพยายามฝึกจิตให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ
ปลาทอง
เจอมาสุมการเอาเปรียบหลวง พยายามชี้ทางให้เห็นว่าไม่ถูกต้องและไม่เห็นด้วย จึงถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมในหลายกิจกรรม ตอนแรกน้อยใจแม้กระทั่งคนในฝ่ายเดียวกัน แต่พอนึกถึงคำสอน ความซื่อสัตย์ ต่อหน้าที่ ข้าราชการในพระองค์ทำให้จิตใจมีพลัง ส่วนคนที่ทำไม่ถูกต้องก็แค่แอบทำ โดยไม่เสนอหนังสือผ่าน ใช้คำว่า ไม่เป็นรัย ให้บ่อยขึ้น ดีแล้วที่ไม่มีลายเซนต์เรา ทุกคนเห็นว่าเราตัวประหลาด เพราะที่นี่ใครๆเขาก็ทำกันถือเป็นเรื่องปกติ สาธุผลบุญที่ได้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตจงส่งผลต่อผู้ปฏิบัติดีด้วยเถอะค่ะ
ยอมเป็น เย็นสงบ... นะครับอาจารย์ ^_^