วันที่ 6 ชั่วโมงสอนแน่น (9 พ.ย. 59)

วันนี้เป็นวันที่ฉันเหนื่อยที่สุดจากการสอนมาเลยก็ว่า เพราะวันนี้จะมีคาบว่างถึง 2 คาบ แต่ได้ว่างแค่คาบเดียวเท่านั้น เพราะตั้งแต่เช้าหลังจากเข้าแถวเสร็จก็ช่วยครูพี่เลี้ยงสอนชั่วโมง 179 คาบ จากนั้นครูทั้งโรงเรียนประชุม จึงได้เฝ้านักเรียนในห้องแทนในคาบแรก เมื่อเด็กดื้อ เราก็บ่น และดุเด็กการสอนในวันพุธ คือ วันที่ฉันมีคาบสอนในตารางที่โหดที่สุดที่เคยมีสอนมา โดยมีสอนวิชาวิทยาศาสตร์ ป. 3/1 วิชาสังคมศึกษา ป.1/1 วิชาศิลปะ ป.5/1 และวิชาวิทยาศาสตร์ ป. 3/2 เป็นการสอนที่มาราธรมาก 4 คาบรวดไม่มีชั่วโมงพักเลย พักก็แค่ช่วงพักเที่ยงเท่านั้น ยิ่งวันนี้วิทยาศาสตร์มีการทดลองด้วย ฉันยิ่งเหนื่อยมากๆ เพราะต้องคอยควบคุมชั้นเรียนให้ดี ไม่เช่นนั้นห้องเรียนแตกแน่ๆ เพราะนักเรียนจะไม่ฟังในสิ่งที่เราพูด และการทดลองจะไม่สำเร็จ บรรยากาศช่วงนี้ฝนตกทั้งวัน จึงทำให้ฉันป่วย มีไข้ เจ็บคอ เสียงแหบ ทั้งๆที่ใกล้จะหายจากอาการไข้หวัดที่เป็นอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว แต่อาการแย่ลงไปอีก ยิ่งตอนที่ยืนสอนนักเรียนอยู่หน้าห้อง เจ็บคอ ใจสั่นๆ ปวดหัวก็ปวด เกือบจะหมดแรงแล้วเป็นลมอยู่ตรงนั้น แต่ดีที่พกยาดมติดตัวตลอดจึงหยิบขึ้นมานั่งดม ก็ช่วยให้อาการดีขึ้นได้บ้าง แต่พอมาถึงคาบสุดท้าย สอนไปด้วยแสบท้องไปด้วย ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นอะไรนักหนานะร่างกาย สงสัยปรับตัวไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา

มีครูท่านหนึ่งที่นั่งอยู่ในห้องเรียนท่านให้ข้อเสนอเสนอแนะว่าให้ไปดู เทคนิคแลละวิธีการสอนในการควบคุมชั้นเรียน เน้นการเสริมแรงทางบวก มากกว่าทางลบ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ฉันดุนัดเรียนมากเกินไป อยากให้ฉันเพลาๆ เรื่อง กริยามารยาทของนักเรียนลงบ้าง คลายหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะตอนสอนฉันทำหน้าตาเคร่งขรึมเกินไป การสอนในวิชาศิลปะต้องปล่อยเด็กบ้าง ให้อิสระ ซึ่งฉันมาคิดดูแล้วนับได้ว่าเป็นคำแนะนำที่ดีมากจริงๆ แต่บางครั้งฉันก็คิดว่าตัวเองสอนหลายวิชา หลายชั้นเรียน มีมาก จึงทำให้เริ่มสับสน และปรับอารมณ์ไม่ทันในแต่ละวิชา ปรับการสอนจากตอนแรกสอนนักเรียนประถมปลายมาสอนนักเรียนชั้นประถมต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ป.1 ควบคุมชั้นเรียนได้ยากที่สุดแล้วค่ะ ต่อไปนี้ฉันจะนำคำแนะนำต่างๆ มาปรับใช้นะคะ ขอบคุณค่ะ

เจ้าตัวเปี้ยกพูดมากอยู่หลังห้อง เลยทำโทษให้มานั่งเขียนที่หน้าห้องซะเลย สบายจริงๆ