ชีวิตที่พอเพียง : 2790. ไปอเมริกา ๒๕๕๙ : ๗. เที่ยว แฮริสเบิร์ก


๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙

Harrisburg เป็นเมืองหลวงของรัฐเพนซิลเวเนีย

เราเดินทางโดยรถโดยสาร เกรฮาวนด์ ไปถึงตรงเวลา คือ ๑๔.๒๕ น. พอลงจากรถเราก็เข้าไปในสถานี ไปเข้าห้องน้ำ โชคดีที่ผมลองเข้า Wifi ฟรีของสถานี ตรวจสอบว่าหากเดินไปโรงแรม Crown Plaza ไปทางไหน ใช้เวลาเท่าไร พบว่าใช้เวลาแค่ ๖ นาที ระยะทางประมาณครึ่งกิโลเมตร เราจึงเดินไปโดยผมเป็นพนักงานลากกระเป๋า


การเดินทางระหว่างเมืองโดยรถโดยสาร

ตอนเดินทางจากวอชิงตัน ดีซี ไปฟิลาเดลเฟีย เราใช้บริการของ Megabus วันนี้เราใช้ Greyhound โดยไม่มีทางเลือก เพราะเมกะบัสไม่วิ่งเส้นทางนี้ เราจึงได้มีโอกาสเปรียบเทียบบริการของสองบริษัทคู่แข่งกันนี้ สรุปแบบฟันธงว่าเมกะบัสดีกว่า บริการดีกว่า ไม่ยุ่งยากและรถก็ดีกว่า เป็นรถสองชั้นใหม่กว่า ส่วนเกรฮาวนด์บริการไม่ดี ยุ่งยากสับสน รถชั้นเดียวเก่ามาก รถโดยสารนี้ผู้โดยสารเป็นคนระดับล่าง เห็นได้ชัดเจน แต่ตอนเดินทางจากแฮริสเบิร์กกลับไป วอชิงตัน ดีซี ก็ต้องใช้เกรฮาวนด์อีก เพราะไม่มีเมกะบัสให้บริการ


โรงแรม Crown Plaza

เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในสามแห่งที่เรามาพักถึงขณะนี้ ตั้งอยู่ที่ถนนที่ ๒ ซึ่งเป็นถนนใหญ่ที่สุดในเมือง ในบริเวณที่เรียกว่า Market Square ถัดไปเป็น Strawberry Square และไปไม่ไกลเป็น State Capitol Complex และอยู่ใกล้แม่น้ำ Susquehanna ที่สวนสองฝั่งร่มรื่นมาก มีทางเดิน/วิ่ง/ขี่จักรยานอย่างดี


เที่ยว City Island

เช็กอินเข้าห้อง ๔๒๔ และกินอาหารเที่ยงเรียบร้อย สาวน้อยชวนไปเดินเที่ยว เราลงไปขอแผนที่เมือง ที่เจ้าหน้าที่โรงแรม แล้วเดินไปที่แม่น้ำ Susquehanna ริมแม่น้ำมีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น เป็นพื้นที่สาธารณะตลอด สองฝั่งแม่น้ำ ด้วยความไม่รู้ เราเดินข้ามสะพาน Market Street Bridge ซึ่งมีรถแล่นผ่านตลอดเวลา เพื่อไปยัง City Islandมองไปทางขวาเห็นมีสะพานเหล็กแบบโบราณ มีคนเดินไปมา ในขณะที่บนสะพาน Market Street Bridge มีเราสองคนเท่านั้น เวลาบ่ายสามโมงเศษๆ แดดเปรี้ยง สะพานยาวประมาณครึ่งกิโลเมตร พอไปถึงเกาะเราก็วิ่งข้ามถนนไปฝั่งตรงกันข้าม เพื่อหาทางไปนั่งเล่น และเดินกลับทางสะพานเหล็ก ซึ่งมารู้ทีหลังว่า เป็นสะพานคนและจักรยานข้าม ชื่อ Walnut Street Walking Bridge


ที่นี่แทบไม่มีอะไรให้สนุก มีแต่ธรรมชาติสวยงาม มีม้านั่งพักผ่อน น่าชื่นชมผู้ออกแบบผังเมือง ที่กำหนดให้พื้นที่สองฝั่ง มีคนมาเดินเล่นไม่กี่คน มีเรือสีแดงดึงดูดสายตา พาล่องแม่น้ำ เข้าใจว่าคงจะออก ตอนเย็น เห็นพนักงานแบบแพ็คเบียร์ไปลงเรือ


เราเดินกลับทางสะพานเหล็ก วิวสวยงามมากจริงๆ แล้วเดินตรงไปจนชนถนน ๒ ก็เลี้ยวขวากลับโรงแรม



๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙

ตอนเช้ามืดอุณหภูมิลดลถึง ๔ องศาเซลเซียส ผมจึงงดออกไปวิ่ง กะวิ่งตอนเย็นแทน


National Civil War Museum

ตั้งอยู่นอกเมือง ต้องนั่งแท็กซี่ไป ค่าโดยสาร ๑๐ เหรียญ ค่าเข้าชมอัตราคนแก่คนละ ๑๑ เหรียญ เราใช้เวลา ๒ ชั่วโมงเต็มดื่มด่ำประวัติศาสตร์สงครามกลางเมือง (Civil War) ระหว่างคณะรัฐฝ่ายเหนือ (Union) ที่ต้องการเลิกทาส กับคณะรัฐฝ่ายใต้ (Confederation) ที่ต้องการมีทาส รบกันอยู่ ๔ ปี (ค.ศ. 1861 – 1865) ทหารตายไป ๗ แสนคน เท่ากับทหารอเมริกันที่ตายในสองสงครามโลกรวมกัน


พิพิธภัณฑ์นี้มี ๒ ชั้น ต้องขึ้นไปดูมาจากชั้นบน จัดได้ดีมาก ส่วนที่กระทบใจมากที่สุดคือ ประติมากรรม Moment of Mercy ตั้งอยู่หน้าอาคาร ที่สะท้อนเรื่องราวของนายสิบทหารหนุ่มของกองทัพ ฝ่ายใต้ ที่ตอนกลางคืนทนได้ยินทหารของฝ่ายเหนือร้องครวญครางขอความช่วยเหลือไม่ไหว จึงเข้าไปช่วยเหลือ เมื่อการยิงเริ่มขึ้นใหม่ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น นายทหารฝ่ายเหนือก็ร้องห้ามพลปืนไม่ให้ยิงนายสิบคนนั้น เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในหลายที่ เป็นเรื่องราวที่สะเทือนใจผู้คนจนมีประติมากรนำมาปั้นประติมากรรมชิ้นนี้


เราชมพิพิธภัณฑ์ด้วยความอิ่มเอม จบแล้วก็ไปบอกเจ้าหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์ให้ช่วยโทรศัพท์ตามแท็กซี่ กลับเข้าเมือง ไปชมอีกพิพิธภัณฑ์หนึ่ง


Whitaker Center for Science and the Arts

ตั้งอยู่ถนน Market Street ใกล้โรงแรมนั่นเอง มีชิ้นงานศิลปะจัดแสดงไม่มาก เป็นศิลปะสมัยใหม่ ส่วนที่เป็นชิ้นเป็นอันคือโรงหนัง กับ Science Center สำหรับเด็กไปเล่นซึมซับวิทยาศาสตร์ เราไปถาม เจ้าหน้าที่แล้วถอยออกมา ก่อนถอยก็ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก


เดินเล่นที่ Front Street ละ 2nd Street

หลังกินอาหารเที่ยงที่ร้าน Subway และกลับมาพักที่โรงแรม พอ ๑๖ น. แดดร่ม หัวหน้าทัวร์ก็ชวนไปเดินเล่นที่ริมแม่น้ำ แล้วเดินกลับทางถนนที่สอง เป็นการเดินเล่นที่สดชื่นมาก วิวสวยงามทั้งช่วงถนนคนเดินริมน้ำ และช่วงถนนสายที่สอง

ทั้งสองสถานที่เป็นย่านเมืองเก่า อาคารที่ปลูกริมถนน Front อยู่ริมถนนฝั่งตรงข้ามกับแม่น้ำทั้งหมด คือพื้นที่ริมน้ำกว้างประมาณ ๕๐ เมตร เป็นที่สาธารณะทั้งหมด ทำสนาม ปลูกต้นไม้ใหญ่ และมีถนนคนเดิน หรือถีบจักรยานถึง ๓ ถนนน่าชื่นชมคนออกแบบเมืองเมื่อกว่าสองร้อยปีก่อนอย่างยิ่ง อาคารริมถนน Front เหล่านี้ เป็นอาคารของคนมีตำแหน่งหรือมีฐานะ แต่ก็เห็นบางอาคารมีป้ายประกาศขาย


ที่ 2nd Street ก็มีอาคารเก่าสวยงามมากมาย และตอนที่เดินผ่าน State Street ก็เห็น State Capitol สวยงามมาก

เราแวะซื้อเสบียงที่ร้าน Subway ที่อยู่ใกล้ๆ โรงแรม สำหรับเป็นอาหารเช้า และอาหารเที่ยงวันรุ่งขึ้น

วันนี้ตอนสายและบ่ายอากาศดี อุณหภูมิขึ้นไปถึง ๑๘


๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๙

เช้ามืดอุณหภูมิ ๗ องศา ผมแตรียมตัวกันหนาวเต็มยศออกไปวิ่งริมแม่น้ำ ตอนอาทิตย์อุทัย คือ ๗.๑๕ น. เพื่อดื่มด่ำความงามของธรรมชาติ วิ่งอยู่บริเวณที่เมื่อวานบ่ายไปเดินเล่นนั่นเอง แสงอาทิตย์ส่องสะพาน เห็นเงาในน้ำสวยงามมาก


ขึ้นมาอาบน้ำ เพราะแม้วิ่งๆ หยุดๆ เพื่อถ่ายรูป แต่ก็ได้เหงื่อ แล้วลองค้น The State Museum of Pennsylvania พบว่าเปิด ๙.๐๐ น. เดินไปใช้เวลา ๑๓ นาที จึงชวนสาวน้อยเดินไปชม กะว่าใช้เวลา ๑ ชั่วโมง กลับเวลา ๑๐ น. ไปถึงต้องไปเตร่ถ่ายรูปวิวบริเวณข้างนอกอยู่ ๕ นาที พิพิธภัณฑ์จึงเปิด ค่าเข้าชมคนละ ๖ เหรียญ ขอคำแนะนำเจ้าหน้าที่หญิงวัยสูงอายุใจดี ว่ามีเวลาชั่วโมงเดียวดูอะไรดี เขาให้ Floor Plan และแนะนำให้ขึ้นไปชั้น ๑ (บ้านเราเรียกชั้นสอง) ห้อง Pennsylvania Icons แต่เราก็เดินชมเร็วๆ ทั่วชั้น แถมยังขึ้นไปดูที่ชั้น ๒ นิดหน่อยด้วย


เราได้เรียนรู้เรื่องราวของการก่อตั้งรัฐเพนซิลเวเนีย โดย William Penn มหาเศรษฐีชาวอังกฤษเรียนรู้ว่าดินแดนนี้ในอดีตอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ โดยมีอินเดียนแดงอาศัยอยู่ก่อนเป็นเวลา ๘,๐๐๐ - ๑๐,๐๐๐ ปี แล้วอารยธรรมที่อิงอาศัยธรรมชาติดั้งเดิม (อินเดียนแดง) ก็ค่อยๆ แพ้อารยธรรมแห่ง เทคโนโลยี ที่มากับความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ (คนขาว)


ขากลับโรงแรม เราขอให้เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์เรียกแท็กซี่มารับเพื่อความรวดเร็ว ค่าโดยสารพร้อมทิปแค่ ๓ เหรียญ


ตอน เช็คเอ๊าท์ จากโรงแรมเจ้าหน้าที่ให้น้ำแช่เย็นมาคนละขวด เป็นของตอบแทนที่ไปอุดหนุน จ่ายค่าโรงแรมและอาหารเช้าหนึ่งมื้อรวมภาษีไป ๓๑๖.๙๒ ดอลล่าร์


เราเดินลากกระเป๋า (ที่หนักกว่าเดิม) ไปยังสถานีรถเกรฮาวนด์ เพื่อกลับวอชิงตัน ดีซี ไปเข้าคิวรับตั๋ว และรับใบผูกกระเป๋า ที่เขาต้องให้ชั่งน้ำหนักกระเป๋าแต่ละใบด้วย ต้องหนักไม่เกิน ๕๐ ปอนด์ เรานั่งกินแซนด์วิช ที่ห้องนั่งรอ และสังเกตชีวิตและพฤติกรรมของคนจนอเมริกัน ดูจากกระเป๋าเดินทางแล้ว เราสองคนอยู่ใน เกณฑ์เศรษฐีเมื่อเทียบกับคนเหล่านี้ ผมคิดว่า ในเวลา ๕๐ ปี (ผมไปอเมริกาครั้งแรกปี ๒๕๑๐) คนอเมริกันชั้นกลาง - ล่างจนลงไปเมื่อเทียบกับภาพรวม


รถออกเวลา ๑๑.๓๐ น. ตอนแล่นข้ามแม่น้ำวิวสวยมาก ไปแวะ ๒ ที่คือ York, Pennsylvania กับ Baltimore ที่บัลติมอร์รถเสียเวลารอผู้โดยสารต่อรถจากคันอื่น ทำให้ไปถึง Union Station วอชิงตัน ดีซี ช้าไป ๒๐ นาที เป็นถึงเวลา ๑๕ น. ตรงที่สถานียูเนี่ยน เราถามทางไปที่คิวขึ้นรถแท็กซี่ สถานียูเนี่ยนจ้างเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือผู้โดยสารขึ้นรถ ช่วยยกกระเป๋าขึ้นท้ายรถ ทำให้รวดเร็วและสะดวกขึ้น ช่วงเวลานี้ในวอชิงตัน ดีซี รถติดเราได้ห้องพัก ๕๔๘ เป็นห้องพักที่ดีที่สุดใน ๔ แห่งที่เราพักในการเดินทางครั้งนี้ เริ่มจาก BnB ที่ดีน้อยที่สุด แล้วค่อยๆ ดี (สะดวกสบาย) ขึ้นเรื่อยๆ


วิจารณ์ พานิช

๑๓ ต.ค. ๕๙



1 สถานีรถโดยสาร Greyhound



2 Market Square



3 สวนริมฝั่งแม่น้ำ Susquehanna



4 สวนอีกฝั่งแม่น้ำ



5 บนสะพานเหล็ก มองเห็น Market Street Bridge



6 ในสวนของ State Capitol



7 ประติมากรรม Moment of Mercy



8 National Civil War Museum



9 สภาพชีวิตในสนามรบ



10 ปืนใหญ่ในสนามรบ



11 โรงพยาบาลสนาม โปรดสังเกตว่าหมอไม่ได้สวมถุงมือ



12 จาก Civil War สู่ Civil Rights ทำให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ ๓ ครั้ง



13 Whitaker Center for Science and the Arts



14 ส่วนหนึ่งของชิ้นงานศิลปะ



15 ชิ้นงานชื่อ Self portrait



16 ภายในอาคาร Whitaker Center



17 ชิ้นงานชื่อ Decompose



18 Susquehanna River ยามเย็น



19 อ่านหนังสือพิมพ์ปี 1937



20 State Street และ State Capitol



21 ลู่วิ่งและวิวงามยามเช้าตรู่



22 The State Museum of Pennsylvania



23 วิวเมืองฟิลาเดลเฟีย ปี 1860



24 ประติมากรรม William Penn



25 สะพานข้ามแม่น้ำ ถ่ายจากรถบัส

หมายเลขบันทึก: 618388เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2016 23:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2016 08:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท