วันนี้ขอพูดถึงอดีตนิดหน่อย .
เมื่อครั้งที่ผมเรียนอยู่ปีสุดท้ายของหลักสูตร B.Ed. in Science(Physics), King Saud University, Riyadh ประเทศซาอุดิอาราเบีย ก็ต้องออกไปฝึกสอนเหมือนทุกคนที่เรียนหลักสูตรศึกษาศาสตร์ ผมเลือกสอนในโรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่งใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย เพราะสะดวกในการเดินทางและไม่ยุ่งยากเหมือนโรงเรียนใหญ่ ที่สำคัญผมอยากเรียนรู้ระบบโรงเรียนของเขาทั้งระบบด้วย
ผมสอนวิชาวิทยาศาสตร์ชั้น ม 1 นักเรียนในชั้นที่ผมสอนก็คล้ายๆกับนักเรียนชั้นอื่นๆ เป็นลักษณะของเด็กซาอุฯ ซน ดื้อ ต้องใช้พลังอย่างมากที่จะทำให้สนใจในบทเรียนที่เราสอน แต่ข้อดีของเขา คือ ไม่เป็นนักเรียนแบบอะไรก็ได้เหมือนเด็กไทย จะมีเสนอข้อคิดเห็นตลอด ถ้าถามอะไรพวกเขาจะแย่งตอบ ถูกบ้าง ผิดบ้าง แม้แต่เด็กที่ไม่เคยสนใจเรียนก็จะยกมือขอตอบ เลยทำให้การเรียนการสอนบรรลุจุดประสงค์ไม่ยากนักวันหนึ่ง...
ผมสอนในหัวข้อสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม เป็นเรื่องยากมากเลยที่จะบอกชื่อสัตว์ต่างๆ ในให้พวกเขาที่อยู่ท่ามกลางทะเลทราย นึกภาพตามที่เราพูดถึง(แถมต้องเรียกชื่อสัตว์ต่างๆเหล่านั้นด้วยภาษาอาหรับด้วยยิ่งทำให้ผู้สอนมีปัญหามากขึ้น) ก็เลยให้งานพวกเขาทำโดยให้พวกเขาไปรวบรวมภาพสัตว์ต่างๆ แล้วมาแยกว่าอันไหนคือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม อันไหนคือสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง และอันไหนที่ไม่ใช่ทั้งสอง..
แต่อาจเป็นด้วยสาเหตุที่พวกเขาไม่อยากทำงานหรืออย่างไรนั้นไม่อาจรู้ได้ พวกเขาไปฟ้องครูสอนศาสนาผมว่าสั่งให้พวกเขาหารูปสัตว์ ครูสอนศาสนาก็เรียกผมไปคุยบอกว่าทำแบบนั้นไม่ได้มันผิดศาสนา.. เขาอาจจะมองว่าผมไม่ใช่คนอาหรับ อาจจะไม่เข้าใจศาสนาดี อาจทำอะไรที่ไม่ถูกต้องไปบ้าง แต่จริงๆแล้วเรื่องการใช้สื่อลักษณะนี้ผมรู้ดีว่าอย่างไรได้และอย่างไรไม่ได้ผมก็บอกครูท่านนั้น(ซึ่งไม่ได้เป็นคนแก่หรือคนตาบอดอย่างที่บางคนเขาว่า) ....
.ถ้าอยู่เมืองไทยผมสามารถพานักเรียนไปดูได้ไม่ยากนัก (คุยไปงั้นเอง)...
ถ้าที่นี้(ซาอุฯ) มีสวนสัตว์ดีๆ ก็จะพานักเรียนไปดู (แต่เป็นไปได้ยาก)...
และอย่างพวกปลาวาฬ ปลาโลมา เราจะให้เด็กไปดูที่ไหนเราจำเป็นต้องใช้สื่อ ช่วยให้เด็กเข้าใจ .....
..ทำไมครูสอนศาสนาท่านนั้นบอกการนำรูปภาพมาผิดศาสนา ผมก็ศึกษาได้ดังนี้ครับท่านนบีมุฮำมัด(ศอลฯ) ได้กล่าวในตอนหนึ่งว่า
كُلُّ مُصَوِّرٍ فِي النَّارِ يَجْعَلُ لَهُ بِكُلِّ صُورَةٍ صَوَّرَهَا نَفْسًا فَتُعَذِّبُهُ فِي جَهَنَّمَ
ความว่า : ผู้สร้างรูปทุกคนตกนรก และรูปที่เขาสร้างขึ้นมานั้นจะถูกใส่วิญญาณ และถูกทรมานในนรก (รายงานโดยมุสลิม)
และมีรายงานอีกว่าท่านนบี(ศอลฯ) ห้ามมีรูปในบ้าน และห้ามสร้างรูปด้วย และท่านใช้ให้อุมะร์ อิบนุ อัล-ค็อฏฏอบ(รอฎีฯ) ล้างรูปให้หมดที่อยู่ที่กะอฺบะฮฺ และจะไม่เข้าบ้านจนกว่าบ้านนั้นจะลบล้างรูปให้หมดจากบ้าน (รายงานโดย อะฮฺหมัด)
จากทั้งสองหะดีษ เป็นที่ชัดเจนว่า อิสลามห้ามการสร้างและการมีรูป
อุลามาอฺหรือผู้รู้ในอิสลามได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับคำว่า صورة (รูป) ออกเป็นสองลักษณะ
1. หมายถึง รูปปั้น อันนี้อุลามาอฺส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า ถ้าเป็นรูปคนหรือสัตว์ เป็นสิ่งที่ห้าม ไม่ให้สร้างและไม่ให้มี เว้นแต่ รูปที่เป็นของเด็กเล่น เพราะมีรายงานว่า ครั้งหนึ่งท่านหญิงอาอิชะห์ภรรยาท่านนบีได้เล่นกับหลานและมีของเล่นที่เป็นรูปม้าที่มีปีก นบีเห็นนบีก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนรูปปั้นที่เป็นรูปอื่นๆ ที่ไม่ใช่รูปสัตว์หรือรูปคนสามารถมีได้
2. หมายถึง รูปภาพ ถ้าเป็นรูปภาพที่ไม่ใช่ภาพคนและสัตว์ สามารถสร้างและมีได้ ส่วนรูปภาพที่เป็นภาพคนหรือสัตว์ อุลามาอฺยังมีความเห็นที่แตกต่าง โดยเฉพาะรูปภาพที่ไม่ใช่ภาพวาดแต่เป็นภาพถ่าย อุลามาอฺบางท่านให้ความเห็นว่าไม่ได้เป็นภาพที่เกิดขึ้นจากการสร้างหรือการวาดจากฝีมือมนุษย์ก็คล้ายกับภาพที่เกิดขึ้นบนกระจกเงา เพียงแต่ว่าภาพถ่ายนั้นจะติดที่กระดาษ ฉะนั้นการมีและการใช้ภาพลักษณะนี้อนุโลมให้ใช้ได้ ส่วนภาพที่เกิดจากการวาดจัดอยู่ในกรณีเดียวกับรูปปั้นตามข้อที่ 1 จะสร้างและมีไม่ได้
อย่างที่กล่าวมาข้าต้น บางครั้งครูจำเป็นต้องใช้รูปคนหรือสัตว์เพื่อสร้างความเข้าใจแก่เด็กให้ดียิ่งขึ้น(ตามหลักทฤษฎีของเกสตอลท์) และบางครั้งใช้การบรรยายหรือบอกเล่าอย่างเดียวนักเรียนไม่สามารถที่จะเข้าใจอย่างถูกต้องได้ หรือถ้าไม่สามารถให้เด็กไปสัมผัสของจริงได้ ครูจำเป็นต้องใช้โมเดลหรือรูปช่วยในการสอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เกิดคำถามเปิดขึ้นจะใช้รูปปั้นหรือรูปเป็นสื่อการเรียนการสอนได้ไหม
- รูปปั้นที่รูปสัตว์หรือรูปคนเต็มตัวหรือครึ่งตัวที่จะตั้งแสดงไว้ในบ้านหรือในห้องนั้นไม่ได้เด็ดขาด แต่ถ้ามีเพื่อการศึกษา เช่น จะอธิบายโครงสร้างของคนหรือสัตว์ ทั้งภายนอกและภายใน สำหรับนักเรียนนักศึกษาบางสาขาวิชา อาจจะมีได้แต่ไม่ควรเป็นรูปเต็มตัว
- รูปภาพ ควรใช้ภาพถ่ายที่ถ่ายจากตัวจริง แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ภาพวาดไม่ควรเป็นรูปเต็มตัว อุลามาอฺบางท่านอนุโลมให้ใช้ในลักษณะนี้ได้ ผมได้อ่านหนังสือของ เชคอับดุลมาญีด อัล-ซันดานี ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าท่านเป็นผู้เคร่งศาสนาผู้หนึ่งและมีแนวคิดเป็นวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยที่วางอยู่บนพื้นฐานอัลกุรอาน ในหนังสือของท่านถ้ามีรูปสัตว์จะมีเส้นขีดฆ่าเพื่อให้เห็นรูปที่ไม่เต็มตัว
วันหลังผมจะกล่าวถึงเจตนารมณ์ของการห้ามรูปต่างๆ เหล่านี้
ขออนุญาตเสริมในเรื่องของการใช้รูป
ความเห็นของผม ผมมองเห็นว่าต้องแยกเป็นกรณีๆ ไป อย่างหะดีษที่อาจารย์ยกมาอ้างในเรื่องของรูปนั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นกรณีทั่วๆ ไป เพื่อป้องกันการนำรูปดังกล่าวที่สร้างขึ้นไปสู่การเชื่อหรือศรัทธาต่อสิ่งอื่นหรือการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์
สำหรับการสอนนั้น เราจะเห็นได้ว่าในการให้ความรู้แก่ซอฮาบะห์ของท่านรอซูลนั้น บางครั้งท่านได้วาดรูปบนพื้นดินด้วย ดังรายงานจากซุนนะฮิ มุตอฮีเราะ กล่าวว่า แท้จริงท่านนบีได้พำนักในสถานที่แห่งความรู้ ในการที่จะสอนซอฮาบะห์ได้รู้ถึงความหมายที่ชัดเจน และมีความจำที่ยืนยาว จึงมีการขีดเขียน เพื่อให้การเรียนรู้นั้นชัดแจง
และท่านอาบูฆอดะห์ กล่าวว่า เมื่อก่อนฉันไม่เคยเห็นท่านรอซูลขีดเส้น 4 เส้นดังกล่าวเพื่อความประเสริฐของสตรีทั้งสี่ท่านที่ประเสริฐที่สุดในสวนสวรรค์ จากการประกาศดังกล่าวเป็นการประกาศจากท่านรอซูลเอง และจากได้ดูจากการท่านได้ขีดเขียนเส้นด้วยมือของท่านเอง
และครั้งหนึ่งท่านนบีได้วาดรูปสี่เหลี่ยมแล้วกล่าวว่า นี้คือายุขัยของมนุษย์ในรูปสี่เหลี่ยม แล้วท่านวาดรูปวงกลม แล้วกล่าวว่า นี้คือลูกหลานอาดัม ส่วนนอกกรอมสี่เหลี่ยมท่านได้วาดวงกลมอีกรูปหนึ่งแล้วกล่าวว่า นี้คือความต้องการของมนุษย์
ส่วนคำถามที่ว่าใช้ภาพเป็นสื่อในการสอนได้หรือไม่นั้น นักวิชาการฮาดิษบางท่านกล่าวว่า ท่านนนบีได้ใช้สื่อประเภทนี้และมีปรากฏเป็นฮะดีษในซอเอี๊ยะบุคคอรี เช่น รายงานจากอับดุลลอฮ์ บินมัสอูด กล่าวว่า ท่านนบีได้ขีดเส้นเป็นสี่เหลี่ยมและขีดเส้นอีกเส้นหนึ่งตรงกลางของมันจนมันเลยออกไป และท่านได้ขีดเส้นอีกเส้นหนึ่งเป็นเส้นเล็กๆ แล้วท่านก็กล่าวว่า นี้คือมนุษย์และนี้คือสิ่งที่ถูกกำหนดแก่เขาเป็นสิ่งที่ล้อมรอบเขาอยู่ และเส้นที่อยู่ข้างนอกนั้นคือ ความใฝ่ฝันของเขาและเส้นเล็กๆ เหล่านั้นคือ สิ่งที่มาประสบกับเขา เมื่สิ่งนี้มันได้พลาดจากเขาไป สิ่งนี้มันก็จะมาเขมือบเขาต่อ และเมื่อสิ่งนี้พลาดจากเขาไป สิ่งนี้ก็จะมาเขมือบเขาต่อ
ผมเชื่อว่าในสมัยของท่านรอซูล ภาพน่าจะเป็นในทำนองเดียวกันคือ เป็นลายเส้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าในการสอนของท่านเองท่านก็ใช้ภาพประกอบ
ส่วนการใช้สิ่งมีชีวิตเพื่อการประดับบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำภาพรับปริญญามีติดไว้ที่ฝาบ้าน อันนี้คงไม่ต้องสงสัยว่าได้หรือเปล่า เพราะคำตอบก็คือ ไม่ได้ เพราะนอกจากจะเป็นภาพแล้ว เจตนาในการไปติดไว้ก็ถ้าไม่ใช่ ความภูมิใจของตนเองในความสามารถ (ซึ่งมุสลิมก็ไม่ควรมี) ก็เพื่อโอ้อวด ซึ่งมุสลิมก็ไม่ควรมีเช่นกัน
..................
จากความคิดเห็นของอาจารย์ที่ว่า การใช้สิ่งมีชีวิตเพื่อการประดับบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำภาพรับปริญญามีติดไว้ที่ฝาบ้าน อันนี้คงไม่ต้องสงสัยว่าได้หรือเปล่า เพราะคำตอบก็คือ ไม่ได้ เพราะนอกจากจะเป็นภาพแล้ว เจตนาในการไปติดไว้ก็ถ้าไม่ใช่ ความภูมิใจของตนเองในความสามารถ (ซึ่งมุสลิมก็ไม่ควรมี) ก็เพื่อโอ้อวด ซึ่งมุสลิมก็ไม่ควรมีเช่นกัน
กระผมขอสนับสนุน และขอเสนอแนะอีกประการนี้ ปัจจุบันวัยรุ่นชอบเก็บตุ๊กตาไว้บนเตียงนอน เพราะเป็นสิ่งของที่ระลึกจากคนพิเศษ และก็ไม่กลัวว่าอะไรเป็นอะไร ดังนั้นอยากให้อาจารย์แสดงความคิดเห็นและยกหลักฐานประกอบด้วย ............วัสสาลาม
รูปถ่ายส่วนใหญ่มีไว้ดู แต่ไม่บูชา ผิดด้วยหรือ ขอความชัดเจนในส่วนของรายงานที่ว่า ครั้งหนึ่งท่านหญิงอาอิชะห์ภรรยาท่านนบีได้เล่นกับหลานและมีของเล่นที่เป็นรูปม้าที่มีปีก นบีเห็นนบีก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะอะไร
อัสสะลามุอะลัยกุม
ผมขออนุญาตแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ อันที่จริง ผมก็เคยเรียนกับอาจารย์ที่สอนศาสนามา ท่านเคยบอกว่า "ถ้าเป็นตุ๊กตาเด็กเล่น ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นรูปภาพสิ่งมีชีวิตไม่ได้(ห้าม)" ผมขออนุญาตท่านอาจารย์ช่วยอธิบายหน่อยครับ จากรายงานที่ว่า ครั้งหนึ่งท่านหญิงอาอิชะห์ภรรยาท่านนบีได้เล่นกับหลานและมีของเล่นที่เป็นรูปม้าที่มีปีก นบีเห็นนบีก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเหตุใด อยากทราบครับ...เพื่อเป็นความรู้ในการเผยแผ่ต่อไป
นานมากที่ไม่ได้ตอบ ขอตอบเท่าที่รู้หรือเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน
หะดีษนบี(ศ็อลฯ) มีอยู่ว่า
قَدِمَ رَسُولُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ مِنْ غَزْوَةِ تَبُوكَ أَوْ خَيْبَرَ وَفِي سَهْوَتِهَا سِتْرٌ فَهَبَّتْ رِيحٌ فَكَشَفَتْ نَاحِيَةَ السِّتْرِ عَنْ بَنَاتٍ لِعَائِشَةَ لُعَبٍ فَقَالَ مَا هَذَا يَا عَائِشَةُ قَالَتْ بَنَاتِي وَرَأَى بَيْنَهُنَّ فَرَسًا لَهُ جَنَاحَانِ مِنْ رِقَاعٍ فَقَالَ مَا هَذَا الَّذِي أَرَى وَسْطَهُنَّ قَالَتْ فَرَسٌ قَالَ وَمَا هَذَا الَّذِي عَلَيْهِ قَالَتْ جَنَاحَانِ قَالَ فَرَسٌ لَهُ جَنَاحَانِ قَالَتْ أَمَا سَمِعْتَ أَنَّ لِسُلَيْمَانَ خَيْلاً لَهَا أَجْنِحَةٌ قَالَتْ فَضَحِكَ حَتَّى رَأَيْتُ نَوَاجِذَهُ
ความว่า : ท่านเราะซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ)กลับจากสงครามตะบูกหรือคัยบะรฺ ลมได้พัดกระท่อมเก่าๆที่มีผ้าม่านอยู่ ผ้าม่านก็ได้เปิดเห็นหลานๆท่านหญิงอาอิชะฮฺกำลังเล่นอยู่ ท่านนบีก็ถามอาอิชะฮฺว่า “นี้อะไร?” อาอิชะฮฺตอบว่า “หลานฉัน” ระหว่างเด็กๆเหล่านั้นมีรูปปั้นม้าที่มีสองปีกผิดธรรมชาติอยู่ ท่านก็ถามต่อว่า “อะไรที่เห็นอยู่ระหว่างเด็กๆเหล่านั้น” ท่านหญิงอาอิชะฮฺตอบว่า “ม้า” แล้วท่านก็ถามต่อว่า “แล้วข้างบนมันละเป็นอะไร?” อาอิชะฮฺตอบว่า “ปีกสองข้าง” ท่านก็กล่าวว่า “ม้ามีสองปีกด้วยหรือ” อาอีชะฮฺกล่าวตอบว่า “ท่านไม่เคยได้ยินหรือว่า ม้าของสุไลมานมีกปีก” อาอีชะฮฺว่า ท่านนบีหัวเราะจนเห็นฟัน (บันทึกโดย อะบูดาวูด)
จากหะดีษนี้ อุลามอฺบางคนได้ให้ความเห็นว่า รูปปั้นหรือรูปที่เป็นตัว ให้เด็กหญิงเล่นถือว่าไม่ผิด เพราะจะเป็นฝึกฝนเขาในการเลี้ยงดูลูกๆในอนาคต
วาดรูปสิงมีชีวิตได้มัย