๓๒. เพื่อ...สายตาที่ยาวไกล


“ผอ.ไม่สบายหรือครับ” เจ้าของร้าน..ถาม ผมไม่ตอบ จับเก้าอี้ ค่อยๆ ทรุดกายลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน ออกอาการซวนเซ นิดๆ “ผมมาเมื่อ สามเดือนก่อน จำได้ใช่ไหมครับ” ผมเริ่มคุย...

ท่านผู้อ่านคงคิดว่าผมจะเขียนเรื่อง...วิสัยทัศน์..การทำงาน...แต่เปล่าเลยครับ วันนี้ เป็นบันทึกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสายตาล้วนๆ เป็นสายตาของผม..ที่ยาวไกลจริงๆ

ด้วยจิตสำนึก..ที่อยากมีชีวิตเพื่ออยู่ดูแล องค์กร...นักเรียน..และคนรอบข้าง ตลอดจนบุคคลอันเป็นที่รัก..ทำให้ผมตัดสินใจ ไม่อดทนต่อไปแล้ว ไปดีกว่า...ไปตรวจวัดสายตาประกอบแว่น ที่จังหวัดสุพรรณบุรี....

จำได้ว่า..ปี ๒๕๕๔ ปวดในหัว และรู้สึกว่าโลกหมุนตลอด จึงไปเริ่มต้นที่ร้านแว่นตา ซึ่งตอนนั้น ยังไม่มีร้านขาประจำ เพียงแค่อยากเปลี่ยนแว่นและคิดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากแว่นตานี่แหละ แต่ไม่เป็นผล จนต้องเข้าโรงพยาบาลถึงสามครั้ง จึงได้ทราบว่าเป็น...เนื้องอกในสมองด้านซ้าย

ครั้งนี้..ก็เริ่มที่ร้านแว่นตาอีก นั่นแหละ พอดีร้านแว่น เปิดตอนสาย ผมก็เลยแวะไปที่โรงพยาบาลก่อน...เพื่อตั้งหลัก หาข้อมูล เริ่มจากขอ แผ่นซีดี ข้อมูลที่เคยสแกนสมองไว้เมื่อหลายเดือนก่อน มาเก็บไว้ให้เป็นระบบ..จากนั้น...ก็ถามพยาบาลว่า ถ้าจะขอตรวจสมอง ต้องมาวันไหน อย่างไร คุณพยาบาลก็อธิบายชัดเจน โดยเฉพาะต้องมาแต่เช้าด้วย ส่วน การสแกนสมอง ต้องให้คุณหมอวินิจฉัยก่อน จู่ๆ จะมาสแกนเลย คงไม่ได้...สรุปว่า...ต้องมาตรวจอาการก่อนนั่นเอง....

ผมจึงขออนุญาตวัดความดันฯเสียเลย ผลออกมา...คุณพยาบาลบอกว่า..เป็นปกติ แต่ก็ไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ เพราะวัดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น..

หมดธุระที่โรงพยาบาล ฯ ผมก็เดินทางไปร้านแว่นตา ตามที่ได้ตั้งใจไว้ เป็นร้านแว่นตา ที่ได้มาตรฐานแห่งหนึ่ง ใจกลางเมืองสุพรรณบุรี..เจ้าของร้านที่รู้จักคุ้นเคยกันมานานมาก ยิ้มให้ผมด้วยสีหน้าแปลกๆ คงเห็นอาการที่ผิดสังเกตในร่างกายผม..ที่บ่งบอกอาการว่า...โทรมมาก....

“ผอ.ไม่สบายหรือครับ” เจ้าของร้าน..ถาม ผมไม่ตอบ จับเก้าอี้ ค่อยๆ ทรุดกายลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน ออกอาการซวนเซ นิดๆ

“ผมมาเมื่อ สามเดือนก่อน จำได้ใช่ไหมครับ” ผมเริ่มคุย...

“จำได้ครับ ผอ.ให้ตรวจวัดสายตา ตอนนั้นแว่น ผอ.ใช้อยู่ ๒๕๐ แต่ สายตา ผอ.๒๗๕ – ๒๘๐ ผมคิดว่าใกล้เคียง เลย ไม่ได้เปลี่ยนเลนส์ให้ครับ มีอะไรหรือครับ..” ผมก็เลยบอกไปว่า น่าจะมีนะครับ แต่ถ้าไม่เกี่ยวกับสายตา ผมก็คงจะต้องเริ่มต้นไปพบแพทย์ เช็คสมองอย่างเป็นทางการเสียที ผมจึงบอกอาการ ให้หมอแว่นฟังอย่างละเอียด..ยืดยาว..มีดราม่านิดๆ เพื่อบอกว่า...ผมไม่ไหวแล้วนะ และต้องการความช่วยเหลือ อย่างถูกต้อง จริงจัง ตรงไปตรงมา..ที่สุด พอผมเล่าจบ...หมอแว่น ยิ้มที่มุมปาก พร้อมกับพูดว่า “น่าจะไม่ใช่สมองแล้วล่ะครับ. ผอ..เล่าได้ละเอียด ชัดเจน เข้าใจได้เลย... ” อาการของผม ที่เล่าให้หมอแว่นฟัง มีดังนี้ ครับ

“ ผมมีอาการมาหลายเดือนแล้ว และรู้สึกเป็นมาก ในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ปวดหัวในช่วงบ่ายและเย็น ปวดกระบอกตา ปวดที่หัวบริเวณท้ายทอยและกกหู เจ็บร้าวที่ก้านคอ เจ็บแป๊บที่แผลผ่าตัดเหมือนโดนขาแว่นกดทับ เวลาเดิน เหมือนเหยียบพื้นไม่เต็มเท้า ตาพร่ามัว เหมือนไม่ได้ใส่แว่น หรือ ใส่แว่นของใครก็ไม่รู้ เวลาใส่แว่น จะรู้สึกดีกว่าไม่ใส่ แต่ถ้าใส่นานและใช้สายตามากๆก็จะปวดหัวหนึบๆ แต่เป็นๆหายๆ และยังไม่มีโลกหมุนหรือเดินเซซ้าย เมื่อก่อนกดเงิน เอทีเอ็ม เห็นสลิปก็อ่านออกว่าเงินเหลือเท่าไร แต่ตอนนี้มองไม่เห็นแล้ว ความรู้สึกเวลานี้ หนักหัว หนักตา ไปหมด เวลาเดิน ต้องใช้ไม้เท้า กลัวล้ม...”

หมอแว่น...พาผมเข้าห้องปฏิบัติการทันที เพื่อวัดสายตาอย่างละเอียด...ที่สุด...เท่าที่เคยวัดมา

“สายตา ผอ.ไปเยอะเลยนะครับ..จาก ๒๕๐ ตอนนี้ ๓๕๐ แล้ว เทียบเท่าคนอายุ ๖๐ กว่า มองไกลเดิม ๗๕ ตอนนี้ ๑๕๐ แล้วครับ...แสดงว่า ผอ.ใช้สายตาเยอะมาก แว่นที่ใส่อยู่เอาไม่อยู่แล้ว”

ผมก็ไม่รู้จะบอกหมอแว่นอย่างไรอีก รู้แต่ว่า...ผมใส่แว่นอะไรอยู่เนี่ย เหมือนไม่ใช่แว่นของผม ดูเหมือนไม่มีประสิทธิภาพในการใช้เลย ทำงานได้ไม่คล่องตัว อ่อนล้าง่ายๆ...และเวลาถอดแว่นพักสายตา และหลับยาว ๆ ตื่นขึ้นมาจะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที

หมอแว่นให้ผมเลือกกรอบแว่นใหม่ ผมเลือกแบบที่ใส่แล้วเบาสบาย รูปลักษณ์สวยพอประมาณ ในราคา หนึ่งหมื่นห้าพันบาท (คิดในใจทำไมแพงจัง)

จากนั้น หมอแว่นก็ให้เลือกเลนส์ ที่ดูเหมือนจะมีแต่ยี่ห้อ ดีๆ ที่ได้มาตรฐานที่สุดของร้าน เริ่มต้นที่ราคาหมื่นกว่าบาท ไปจนถึง สามหมื่นห้าพันบาท ผมรู้สึกขนลุกซู่ ทั้งเนื้อทั้งตัว มีอยู่ห้าพันบาทเท่านั้น

เหมือนหมอแว่นจะรู้ เลยบอกผมว่า ยังไม่ต้องจ่ายวันนี้ก็ได้ ต้องรอให้ได้แว่นก่อน ภายใน ๑๐ วัน ผมบอกว่า อยากได้แต่แพงเกินไป...หมอแว่นเลยแนะนำเลนส์อีกรุ่นหนึ่ง ที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน ปรับแสงได้ มองไกลดี ถนอมสายตา ค่อนข้างอเนกประสงค์ในเลนส์เดียวกัน ราคา สามหมื่นห้าร้อยบาท รวมค่ากรอบด้วย ๔๕,๕๐๐ บาท (เกือบครึ่งแสน)

ผมคิดแล้วคิดอีก...จนเหงื่อแตก...คิดถึงสายตาที่ต้องใช้มากและยาวนาน คิดถึงความทรมานจากการใช้แว่นที่ไม่มีคุณภาพมากพอ รู้สึกว่า.... ต้องตัดสินใจแล้วล่ะ....เอาที่สบายใจแล้วกัน(ทั้งที่ตังค์ก็ไม่มีนี่นะ)

“ตกลงครับ ขอให้เร็วหน่อยได้ไหมครับ”

“ไม่น่าเกินวันที่ ๑๔ สิงหา แล้วจะโทรบอก ผอ.ครับ”

ผมคิดในใจ ก็ต้องโทรบอกก่อน จะได้เตรียมตัวใช้แว่นใหม่ และเตรียมทำใจด้วย กับสายตาที่ยาวไกล กับแว่นที่แสนแพง(ที่สุดในชีวิต)

ชยันต์ เพชรศรีจันทร์

๔ สิงหาคม ๒๕๕๙








หมายเลขบันทึก: 611792เขียนเมื่อ 4 สิงหาคม 2016 20:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 สิงหาคม 2016 20:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท