มงคลชีวิต : ข้าวก้นบาตร


ในช่วงเช้าของวันนี้ (19 พฤศจิกายน 2549) ผมกับพ่อและเพื่อนพ่ออีกคนหนึ่ง ได้เดินทางออกจากบ้าน (อ.คลองลาน) ตั้งแต่ตอนเช้าประมาณ 07.00 น. เพื่อเดินทางออกไปทำบุญและตักบาตรกันที่ สำนักสงฆ์วัดเขาโชติการาม ต.ปากอ่าง จ.กำแพงเพชร ซึ่งห่างจากบ้านของผมประมาณ 50 กิโลเมตร

เราเดินทางไปถึงที่สำนักสงฆ์ประมาณ 08.00 น. เมื่อเข้าไปในบริเวณวัดก็ได้พบกับความร่มรื่นเย็นสบายไปอย่างมาก ผมเองก็ได้เดินไปชมวิวทิวทัศน์ก็ได้พบกับความสวยงามของริมฝั่งแม่น้ำปิง

ซึ่งตอนนี้ระดับน้ำได้ลดลงไปค่อนข้างมากแล้ว หลังจากที่มีปัญหาน้ำท่วมในช่วงเดือนก่อน

หลังจากนั้นผมก็ได้เข้าไปจัดสำรับหวานคาวเพื่อถวายภัตตาหารถวายพระ ซึ่งเมื่อเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาที่จะต้องเดินออกมาเพื่อตักบาตรพอดี

วันนี้ที่สำนักสงฆ์มีญาตรโยมมาร่วมตักบาตรเป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยสองสาเหตุสำคัญสองประการด้วยกันก็คือ ประการแรก หลวงปู่ประสิทธิ์ จากวัดถ้ำกลองเพน ท่านได้เดินทางมาจำวัดที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ครับ ซึ่งเมื่อวานเย็นพ่อกับแม่ของผมก็ได้เดินทางมานมัสการท่านมาแล้วหนึ่งรอบ วันนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่ผมจะได้เดินทางมานมัสการท่านด้วยตนเองครับ

จากนั้นเมื่อพระภิกษุได้เดินออกรับบิณฑบาตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ได้เข้าไปฉันภัตตาคารภายในบริเวณศาลา เมื่อฟังสวดเสร็จแล้วญาติโยมก็ต่างแยกย้ายกันไปที่โรงทานเพื่อหาข้าวปลากินกัน ซึ่งวันนี้มีญาติโยมผู้มีจิตศรัทธานำอาหารทั้งหวานและคาวมาตั้งบริการในโรงทานกันหลายสิบร้าน ซึ่งผมก็มิพลาดโอกาสอันดีนี้ครับ เพราะตอนนั้นหิวมาก แต่ตอนนั้นผมเดินไปชวนพ่อให้ไปกินข้าวด้วยกันแต่พ่อบอกว่า "เดี๋ยวจะรอกินข้าวก้นบาตร ข้าวก้นบาตรของพระอาจารย์สายนี้มิใช่หากินได้ง่าย ๆ นะ ถ้าหิวก็กินไปก่อนเลย" ตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยรู้ครับว่าข้าวก้นบาตรเป็นอย่างไร ด้วยความหิวก็เลยไปหาอะไรกินรองท้องไปก่อนครับ (เกือบอิ่มเลย) แต่พ่อก็ยังทิ้งท้ายบอกว่า "กินเสร็จแล้วตามพ่อเข้ามาในศาลานะ...."

เมื่อผมทานและล้างจานเรียบร้อยแล้ว จึงเดินไปหาพ่อที่หน้าศาลา ก็เป็นโอกาสอันเหมาะมากเลยครับที่ลูกศิษย์ของหลวงตานำบาตรที่หลวงตาฉันเสร็จแล้วออกมาเทพอดีครับ ซึ่งตอนนั้นลูกศิษย์หลวงตาก็บอกพ่อผมว่า "ข้าวก้นบาตรหลวงตา ยกไปกินกันได้เลย จะได้เป็นศิริมงคล" ตอนนั้นเองก็ได้มีญาติโยมหลาย ๆ คนได้เข้ามาขอแบ่งข้าวก้นบาตรของหลวงตาด้วยเช่นเดียวกันครับ

ในขณะที่เล่าให้ฟังท่านพ่อผมเล่าให้ฟังว่า "การได้กินข้าวก้นบาตรนั้น เป็นสิ่งที่ดีและเป็นศิริมงคล กินแล้วจะได้หายป่วยหายไข้" ผนวกกับลูกศิษย์หลวงตาที่เดินมาสมทบร่วมวงด้วยทีหลังก็เสริมว่า "เวลากินข้าวก้นบาตรนี้ จะรู้สึกอิ่มไปทั้งวันเลย อิ่มแบบอิ่มเอิบใจ" ซึ่งนั่นก็เป็นจริงอย่างที่พ่อและลูกศิษย์หลวงตาได้บอกครับ หลังจากที่ผมได้ทานข้าวก้นบาตรแล้วก็รู้สึกอิ่มแบบที่ไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน หลังจากนั้นเมื่อทุกคนทานกันเสร็จแล้วผมและพ่อก็ได้นำอาหารส่วนหนึ่งกลับมาฝากแม่และน้องสาวที่บ้านเพื่อร่วมรับศิริมงคลนี้ด้วยกันครับ

โดยที่ก่อนกลับผมก็ได้มีโอกาสอันดียิ่งเป็นครั้งที่สองในวันเดียว ก็คือ ได้เข้าไปรับการ "เป่าหัว" จากหลวงตาอย่างใกล้ชิด และได้ร่วมฟังธรรมะและข้อคิดดี ๆ จากท่านอย่างเป็นกันเองครับ ซึ่งตอนนั้นก็เริ่มมีญาติโยมหลาย ๆ คนเดินเข้ามาและนั่งร่วมรับฟังเทศนาธรรมจากหลวงปู่มากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ

วันนี้เป็นวันที่ผมประทับใจไม่รู้ลืมวันหนึ่งในชีวิตครับ นอกจากจะได้รู้ในสิ่งที่ได้เคยรู้ ได้ไปในที่ที่ไม่เคยไป ผมยังได้สัมผัสในสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสด้วยครับ โดยเฉพาะเป็นการสัมผัส "ด้วยใจ"

 

ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ

 

 

หมายเลขบันทึก: 61118เขียนเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2006 01:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 20:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ข้าวก้นบาตร มาให้กำลังใจนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท