พระพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จด้วยใจ
ข้อความนี้เป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจจะเล่าถึงความคิดตนเองใน 2-3 ปี ที่ผ่านมา
มันเป็นการเลือกที่ยากเย็นแสนเข็ญระหว่าง สมาธิ กับ ปัญญา จะเดินไปทางไหน
เดือนนี้เลือกปฏิบัติ สมาธิ พอเดือนต่อไปเห็นว่าน่าจะปฏิบัติทาง ปัญญา ดีกว่า
กลับไปกลับมาเช่นนี้ ตกลงใจไม่ได้สักทีว่า ตัวเองจะเลือกเดินทางไหนดี
ในที่สุดก็ปฏิบัติแบบแบ่งปัน คือ เริ่มด้วย สมาธิ ก่อน แล้วตามด้วย ปัญญา
ครั้นเหนื่อยทาง ใช้ปัญญาพิจารณาแล้ว ก็หันมาพึ่งสมาธิบ้าง เพื่อสร้างฐานกำลังให้แข็งแรง
เพื่อจะใช้เดินไปให้ถึงเป้าหมายของตัวเองให้ได้ในเส้นทางพ้นทุกข์ คือ โสดาบัน ด่านแรก
ส่วนด่านที่สอง สกิทาคามี ด่านที่สาม อนาคามี และด่านที่สี่ อรหันต์ ผมไม่คิดหวัง
แล้วทำไม ผมจึงกลายเป็นคนมีปัญหา
คำตอบหลังการไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว คือ ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น
จึงขอเล่าชีวิตจริงของตนเอง นับแต่เริ่มเรียนหนังสือชั้นประถม
ช่วงนั้นพ่อแม่กำลังยากจน ขณะที่ลูกๆ ทุกคนอยู่ในวัยเรียน
ผมเป็นลูกที่พ่อแม่ไม่เลี้ยงดูเหมือนพี่ๆ โดยไล่ให้ไปเป็นเด็กวัด เพื่อทุ่นแรงค่าใช้จ่ายในบ้าน
ผมไม่มีทางเลือกทั้งๆ ที่น้อยใจ เจ้าอาวาสวัดซึ่งเป็นญาติกับพ่อแม่ก็ช่วยส่งเสียจนเรียนจบชั้นประถม
ผมอยากเรียนต่อชั้นมัธยม แต่พ่อแม่ต้องการให้ผมแบกจอบมีดขอไปทำสวนเสียนี่ ผมเสียใจกับคำว่า
“กูไม่มีเงินส่งให้มึงเรียน”
เจ้าอาวาสวัดสงสารผม จึงพาไปตัวจังหวัด ฝากเป็นลูกศิษย์เจ้าอาวาสวัดเมืองซึ่งคุ้นเคยกับท่าน
ผมกินข้าวก้นบาตรพระต่อ ส่วนเครื่องเรียน เสื้อผ้า ค่าใช้จ่ายการเรียนนั้น ผมพึ่งตนเองบ้าง
โดยไปรับจ้างหารายได้พิเศษจากร้านค้า หรือบ้านคนมีเงินที่ผมรู้จักขณะมาทำบุญที่วัด
เมื่อเขารู้เรื่องชีวิตผมก็ช่วยเหลือด้านการเงินโดยให้ผมไปทำงานเล็กๆ น้อยๆ ที่บ้านเขา
จนกระทั่งผมเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 6 และมีความใฝ่ฝันอยากเรียนต่อ
เพราะคิดว่าการศึกษาสูงกว่า ม.6 จะช่วยให้ผมเข้ารับราชการได้ ชีวิตจะไม่ลำบากอีกต่อไป
จึงตัดสินใจเลือกทางเดินเข้ารับราชการ ดีกว่าไปประกอบอาชีพชาวสวนซึ่งมีรายได้ไม่แน่นอน
แต่แล้วผมก็ต้องหลั่งน้ำตาทั้งคืนเป็นครั้งที่เท่าไรจำไม่ได้ เมื่อพ่อแม่มาที่วัด
“มึงเรียนจบ ม.6 ตามที่ต้องการแล้ว กลับไปทำสวนที่บ้านช่วยพ่อช่วยแม่บ้างนะ”
ในใจผมตอนนั้นมีอยู่ 3 อยาก คิดว่าจะต้องเดินไปให้ถึงให้ได้ในชีวิต คือ
อยากได้ บ้านที่เป็นของตนเอง ไม่ต้องมาระเหเร่ร่อนนอนวัดอีก
อยากมี เงินเดือนใช้จ่ายทุกเดือนโดยพ่อแม่ไม่ต้องมาเดือดร้อนกับเรา
อยากเป็น ข้าราชการเพื่อจะได้แต่งตัวโก้หรู ใครๆ ก็ยกย่องให้เกียรติ
มาวันนี้ความอยากของผมดับวูบทันที เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อแม่
ผมจะแก้ปัญหานี้ ด้วยวิธีใดหนอ ทำไมชีวิตผมจึงต้องมารับทุกข์เช่นนี้ด้วย
เห็นเพื่อนๆ เขาเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปเรียนต่อ แต่ผมกลับมานั่งร้องไห้สงสารตัวเอง
ความหวัง ความฝัน ทำไม ต้องมามีอุปสรรค ผมทำกรรมอันใดไว้หนอ ?
ตัดสินใจต่อรองกับพ่อแม่ “ขอเวลาให้ผมตัดสินใจก่อนนะ”
แล้วก็รู้สึกโล่งอก เมื่อได้ฟังคำพูดของพ่อ “เออ...กูจะรอคำตอบ”
วันนี้นึกถึงชีวิตตนเองในอดีต แล้วจิตวาบเข้าสู่ธรรมะ อนิจจัง ความไม่เที่ยง
ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ ชีวิตไม่เที่ยงด้วยกันทั้งนั้นนี่คือความจริงที่ต้องยอมรับ
<p “=””>ความทุกข์ในชีวิตผมยังไม่หมด ขอเล่าต่อในคราวหน้า แล้วพบกันอีก </p>
ด้วยความปรารถนาดี
ชนะ เวชกุล
-สวัสดีครับ
-ตามมาอ่านบันทึก"ทำไม..เปลี่ยนทางเดิน"ตอนที่ 1 ครับ
-ขอบคุณครับ