ระบบความเชื่อ 8


3.อิทธิพลของความเชื่อ

ความเชื่อที่เกิดขึ้นในจิตใจของคนแล้วย่อมผูกมัดบุคคลนั้นให้เป็นไปตามความเชื่อนั้น สมมุติคนหนึ่งชื่อนายกุนเขามีความเชื่ออะไรบางอย่าง เขาเกิดอยู่ในภาคอีสานของประเทศไทย อันเป็นที่เขาไม่สามารถที่จะเลือกสถานที่เกิดได้แต่เขาก็มีความเชื่อว่าคนทุกคนเมื่อเกิดมาแล้วก็สามารถที่จะแสวงหาที่อยู่อาศัยที่เหมาะกับตนเองได้ การจะพบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้นั้น เขาต้องศึกษาหาความรู้ความเข้าใจ สิ่งหนึ่งที่เขามุ่งมั่นกระทำคือการตั้งใจเล่าเรียนหนังสือ ดังนั้น นายกุนจึงตั้งใจเล่าเรียนหนังสือเพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างสติปัญญาความสามารถให้เกิดมีขึ้นกับตนเองก่อน

จากการสั่งสมความรู้ความเข้าใจของนายกุน จึงทำให้การดำเนินชีวิตของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมที่คนท้องถิ่นภาคอีสานกระทำกันอยู่ในการดำเนินชีวิต ด้วยนายกุนได้สร้างโอกาสให้กับตนเองด้วยการเดินทางไกลไปเรียนหนังสืออยู่ที่กรุงเทพมหานครซึ้งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยและเมื่อเขาสำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาขั้นสูงสุดแล้ว เขาได้สมัครเข้าทำงานในมหาวิทยาลัยทางภาคใต้ของประเทศไทยในตำแหน่งอาจารย์และต่อมาได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวตามอัตภาพอยู่ในวิถีวัฒนธรรมท้องถิ่นภาคใต้นั้น อย่างนี้ก็นับว่าเป็นส่วนหนึ่งทางความเชื่อที่นำพาชีวิตให้ก้าวเดินไปในทิศทางที่ตนเองมีความเชื่อมั่นอย่างนั้น ซึ่งสะท้อนภาพให้เห็นว่า หากผู้ใดคิดว่าสถานการณ์ใดๆ เกิดขึ้นเป็นจริง สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันก็มักจะเป็นจริงตามนั้น ด้วยผู้ใดมีความเชื่อถืออย่างใดก็จะบังเกิดเป็นผลออกมาอย่างนั้น การมีความเชื่อในสิ่งที่ถูกต้องดีงามแล้วหมั่นปฏิบัติตนไปตามความถูกต้องดีงามนั้น วิถีชีวิตคนนั้นก็จะเกิดมีความสุขความเจริญ เพราะการมีความเชื่อที่เกิดขึ้นมาในจิตใจแล้วก็เกิดมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าที่จะเพิ่มความพยายามเพื่อแสวงหาหนทางที่จะก้าวเดินไปหาจุดหมายที่ตนกำหนดเอาไว้ให้จงได้ถือได้ว่าความเชื่อนั้น ได้ส่งผลให้ผู้นั้นเกิดการลงมือกระทำตามความเชื่อ ซึ่งนับเป็นอิทธิพลของความเชื่อโดยแท้ ซึ่งจะขอยกกรณีตัวอย่างดังต่อไปนี้

1.หยดน้ำเป็นสาเหตุให้นักโทษตาย

จากการทดลองกรณีนำนักโทษประหารไปเข้าห้องมืดแล้วได้แจ้งแก่นักโทษคนนั้นว่าตัวเขาจะถูกประหารชีวิตด้วยการเชือดคอ ต่อจากนั้นทีมงานทดลองได้ใช้ผ้าปิดตาทั้งสองข้างพร้อมทั้งมัดมือมัดเท้าของนักโทษประหารรายนั้นแล้วนำมีดไปเก็บไว้ ต่อจากนั้นทีมงานทดลองก็นำสิ่งคล้ายมีดแต่ไม่มีคมนำมาปากคอนักโทษคนนั้นโดยใช้ความแรงพอสมควร แต่มีดหลอกนั้นก็ไม่ทำให้นักโทษเกิดบาดแผลใด ๆ ขณะเดียวกันทีมงานได้เตรียมน้ำเอาไว้ให้หยดน้ำลงมาถูกเท้าของนักโทษคนนั้นและปล่อยทิ้งไว้อยู่อย่างนั้นตลอดคืน โดยทีมงานทดลองดังกล่าวเมื่อจัดการเสร็จแล้วก็พากันออกจากห้องนั้นไป

ครั้นเมื่อถึงรุ่งเช้าอีกวันทีมงานกลับเข้าไปในห้องทดลองดังกล่าว

และได้ค้นพบว่านักโทษคนนั้นตายแล้ว ทั้งที่ในร่างกายของเขาไร้บาดแผลใด ๆ ทั้งสิ้น จากผลการทดลองความเชื่อกับนักโทษดังกล่าวนั้น แสดงให้เห็นว่า ตัวนักโทษเองมีความเชื่อว่าเขาได้ถูกเชือดคอด้วยมีดคมจนเลือดไหลออกหยดลงมาถูกเท้าของเขาอยู่ตลอดคืนและเลือดในตัวเขาคงหมดและต้องตายแน่ ๆ ดังนั้นนักโทษคนดังกล่าวได้ตายด้วยความเชื่ออย่างนั้น

2.บาดแผลหายได้ด้วยการสร้างจินตนาการ

ด้วยความเชื่อของคนที่ว่า สิ่งที่เป็นอยู่นั้นจักต้องหายได้ในอนาคตแน่นอน ดังตัวอย่างที่เล่าสืบต่อกันมาว่า มีคนไข้คนหนึ่งเขาเป็นชาวออสแอนเจลิส ประเทศสหรับอเมริกา ชื่อนายมิทเชล เมย์ ด้วยเขาได้รับบาดเจ็บเป็นแผลที่ขามากกว่า 85 % อันเกิดจากอุบัติเหตุรถชนกัน ทำให้ระบบประสาทขาข้างขวาของเขาตั้งแต่หัวเข่าลงไปนั้นไร้ความรู้สึก และผลจากการเข้ารับการรักษาในเบื้องต้น คุณหมอลงความเห็นว่าเขาต้องตัดขาเพื่อรักษาส่วนอื่น ๆ ของชีวิตเอาไว้ แต่เขาปฏิเสธการตัดขา เพราะเขามีความเชื่อมั่นว่าเขาจักต้องหายเป็นปกติและทุกวันเขาเริ่มสร้างจินตนาการสร้างมโนภาพในความคิดว่าเขาสามารถเดินได้วิ่งได้ตามปกติเหมือนคนทั่วไปและมีความมุ่งมั่นจงใจเชื่ออยู่อย่างนั้นตลอดเวลา คราใดที่เขามีความรู้สึกเจ็บจากอาการบาดแผลนั้นเขาก็ทานยาระงับอาการปวดไว้ โดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลงความเชื่อเด็ดขาด เขานอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลาถึง 10 เดือนและแล้วขาของเขาก็หายเป็นปกติไม่ว่าจะเป็นการเดิน ว่ายน้ำเล่นหรือวิ่งเล่นได้ตามปกติเหมือนอย่างคนทั่วไป นี่นับเป็นอิทธิพลของความเชื่อที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเขาให้หายได้ในที่สุดโดยแท้

3.การรักษาโรคด้วยความเชื่อ

ดังกรณีคุณหมอที่มีชื่อเสียงด้วยการทำให้คนไข้มีความมั่นใจในคุณหมอที่รักษาตนว่า โรคที่ตนเป็นอยู่นั้นต้องหายได้ด้วยการเชื่อฟังคำแนะนำจากคุณหมออย่างมีวินัยโดยเคร่งครัด การที่คนไข้มีความมั่นใจในการรักษาและมีความเชื่อในการดูแลรักษาของคุณหมอนั้นจะทำให้เขาเกิดพลังอำนาจบางอย่างขึ้นมาจากการรับประทานยาอย่างเดียว ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ คุณหมอที่สามารถทำให้คนไข้เชื่อใจได้ว่าหายจากโรคที่เป็นแน่แท้ดังราวกับปาฏิหาริย์อย่างนี้ เราก็คงได้ยินชื่อของคุณหมอที่คุณไข้นิยมชมชอบและได้ขนานนามว่าเป็นคุณหมอเทวดาก็มี ถือได้ว่า ความเชื่อได้แสดงอำนาจอิทธิพลอันสำคัญยิ่งต่อการดำเนินวิถีชีวิตของคนเรา

หมายเลขบันทึก: 610060เขียนเมื่อ 10 กรกฎาคม 2016 11:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 กรกฎาคม 2016 11:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท