มาฟังเสียงคุณมนัส ...voiceless people เพราะเป็น rootless people กันค่ะ
ตอบคุณมนัส ซึ่งบอกว่า เป็นคนไร้สัญชาติเพราะถูกทอดทิ้งตั้งแต่วัยเยาว์
โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร
เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๙
https://www.facebook.com/note.php?saved&¬e_id=10154151350993834
----------------
ความเป็นมา
---------------
เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๘ เวลา ๒๒.๒๑ น. คุณนายมนัส อีเมลล์ผ่าน [email protected] มาถึงผู้เขียนโดยใช้หัวข้อว่า “การพิสูจน์สัญชาติ” และใจความในอีเมลล์ก็คือ “อาจารย์ครับผมอยากถามว่าผมเป็นคนที่ถือบัตร ไม่มีสถานะทางทะเบียน แต่ในบัตรผมนี้ ไม่มีนามสกูล แล้วผมอยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว แต่ไม่รู้สถานที่เกิด พ่อ แม่ ผมเสียหมดแล้ว ผมมีตัวคนเดี่ยว ผมได้อยู่กับสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้ามาหลายแห่งและเรียนหนังสือมาจนถึงตอนนี้ผมกำลังเรียนอยู่ มหาวิทยาลัย ปี ๒ แล้วครับ สิ่งที่ผมอยากถามอาจารย์ว่าผม พอจะมีทางแปลงเป็นสัญชาติไทยไหมครับ อาจารย์ และผมต้องดำเนินการอย่างไรครับ ถ้าผมจะเดินเรื่อง ครับอาจารย์ บัตรผมนี้พึ่งทำมาได้ประมาณ ๘ ปีแล้ว ก่อนหน้านั้นผมตกหล่นมาตลอดจนได้มาทำในปี ๒๕๕๑ ครับ (หลังจากผมได้แล้วในปี ๒๕๕๑ ผมทำหาย เลยไปทำไหม่ เขาเลยให้ปี ๒๕๕๒ เป็นปีออกบัตรแทน ๒๕๕๑) ขอบคุณมากครับอาจารย์ รบกวนหน่อยครับ”
ในวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๘ เวลา ๔.๐๑ น. ผู้เขียนตอบกลับไปว่า “โดยหลัก ก็แปลงสัญชาติได้ค่ะ ขอดูภาพบัตรหน่อยค่ะ”
จากวันนั้น ถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีการตอบกลับมาของคุณมนัส
----------------
คำบ่นของผู้เขียน
---------------
ปัญหาตามคำบอกเล่าของคุณมนัส ก็คือ เรื่องของคนไร้สัญชาติเพราะประสบปัญหาความไร้รากเหง้านั่นเอง ซึ่งก็อาจจะเป็นความไร้รากเหง้าแท้หรือเทียม ปัญหาดังกล่าวยังไม่มีข้อกฎหมายและข้อนโยบายที่เฉพาะเจาะจงเพื่อการจัดการ ฝ่ายความมั่นคงของรัฐไทยมักมีความระแวงในการรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าว และมีแนวโน้มที่จะไม่เชื่อคำบอกกล่าวในลักษณะนี้ ดังนั้น หากจะกล่าวอ้างปัญหานี้ ก็จะต้องมีคำอธิบายความอย่างละเอียดลออ และมีพยานอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้
อย่างน้อย เราควรรับฟัง และพยายามเข้าใจปัญหาในลักษณะนี้ เสียงของพวกเขายังเป็นเสียงที่ฝ่ายบริหารของรัฐยังไม่ได้ยิน จึงเป็น voiceless people ประเภทหนึ่งในสังคมไทย
ความเห็น (1)
ประทับใจความใส่ใจของอ.แหววมากเลยค่ะ ขนาดคนถามหายไปไหนแล้ว เป็นเรื่องของจริยธรรมต่อมนุษยชาติจริงๆนะคะ