วันนี้เป็นวันครบรอบ 1 ปีเต็มที่กลับมาอยู่บ้านเกิดเมืองนอน แผ่นดินไทยที่รัก หลังจากที่หายไปถึง 6 ปี โดยเป็นเวลาที่ไม่ได้กลับมาเลยติดต่อกัน 5 ปี (กลับมาเมืองไทยหนเดียวเท่านั้น) ยังจำความรู้สึกคับแค้นใจที่ไม่ได้กลับบ้านเราเสียทีได้อยู่เลย เพื่อนฝรั่งทั้งหลายที่อยู่รอบๆตัวต่างรู้กันถ้วนหน้าว่า เราอยากกลับบ้านหนักหนา มีแต่คนสงสัยว่าบ้านเรามีอะไรดี
ได้มีโอกาสฉลองวันครบรอบกลับบ้านด้วยการได้ใช้ความรู้ที่ได้รับโดยตรงจริงๆจากการไปเรียนต่อต่างประเทศมาถ่ายทอด ทำให้เกิดความคิดว่าน่าจะมา AAR ดูซิว่าผ่านไปแล้ว 1 ปีเต็ม เรามาถึงไหนแล้ว
ความคาดหวัง
สิ่งที่ได้เกินคาด
อย่างแรกที่คิดว่าได้ทำ มีเวทีให้ทำ คือข้อ 3 เป็นสิ่งที่ต้องขอบคุณคุณเอื้อของเรา ที่จัดตั้งชุมชน Smart Path ใน GotoKnow และมีลิงก์มาไว้ในเว็บไซต์ของภาควิชาฯ เรียกได้ว่า ถูกใจมาก เป็นที่เกิดของบล็อกEffective English Usage และนอกจากจะได้ทำสิ่งที่ตั้งใจแล้ว ก็ยังได้มีโอกาสทำอะไรอื่นอีกมากมายที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นอันเนื่องมาจาก GotoKnow ได้มีโอกาสไปร่วมเป็นวิทยากรเกี่ยวกับงาน KM ทั้งหลายแหล่ รวมแล้ว 8 ครั้ง เป็นคุณอำนวย 2 ครั้ง เข้าร่วมงานเกี่ยวกับ KM อีก 4 ครั้ง นอกจากนั้นยังได้มีโอกาสถ่ายทอดประสบการณ์ผ่านทางเรื่องเล่า “ย้อนรอยPhD” ในวารสารสายใยพยา-ธิ ต่อเนื่องกันมา 6 ตอนแล้ว ก็เพราะคุณเอื้อของเราอีกนั่นเอง
สิ่งที่ได้ไม่ค่อยแน่ใจว่าน้อยกว่าคาดแต่ไม่เรียกว่าเกินคาด
ข้อ 2 คิดว่ายังไม่มีโอกาสได้นำความรู้ที่มี ที่ได้มาให้ได้เป็นประโยชน์เท่าที่ควร แต่ก็มีโอกาสได้พูดเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับงานที่ทำใน PhD มา 3 ครั้ง รวมกับการเป็นวิทยากร real-time PCR วันนี้แล้ว ก็จะเป็น 4 ครั้ง ยังไม่มีโอกาสได้ลงมือทำงานวิจัยหรือร่วมงานวิจัยอะไร แต่จากการบอกเล่าเรื่องที่ทำ ได้เป็นแรงส่งส่วนหนึ่งให้ได้ร่วมเขียนโครงงานวิจัยที่จะทำต่อไป รวมทั้งเกิดความคิดจากการที่ได้รับคำถามจากผู้เข้าร่วมประชุมวันนี้ ว่าเราสามารถใช้ GotoKnow เป็นเวทีสำหรับถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยีที่เรียนมาโดยตรงให้เป็นประโยชน์ในคนหมู่มากยิ่งขึ้น ก็เลยจัดการตั้งบล็อกใหม่วันนี้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ เป็น “กำลังใจ”ที่ดีมาก ว่าเราน่าจะได้ถ่ายทอดสิ่งที่เรารู้ออกมา ก่อนที่มันจะหายไปกับกาลเวลาและงานประจำที่ไม่เกี่ยวข้องเลย
สิ่งที่ได้น้อยกว่าคาด
ไม่สามารถทำงานให้หน่วย ทำงานเพื่อเพื่อนๆสมาชิกในหน่วยได้มากเท่าที่ต้องการ เพราะงานที่เกินคาดทั้งหลายข้างต้นนั่นเองส่วนหนึ่ง และเห็นแล้วว่าการที่เราทุ่มเททำงานช่วยอย่างเดียวไม่เพียงพอ ระบบการทำงานต่างๆของเราต้องมีการแก้ไข เรายังทำงานกันหนักมากเสมออย่างไม่สมควร ได้ทุ่มเทเป็นปากเป็นเสียง ป่าวประกาศถึงการทำงานที่เหลือบ่ากว่าแรงของคน เพราะปริมาณงานมากมาย มาตั้งแต่แรกจนถึงวันนี้ แต่ก็ยังไม่เป็นผล เรายังคงต้องนั่งทำงานลงทะเบียนคนไข้ 600 – 700 รายเหมือนเดิม แม้จะดูเหมือนว่าโอกาสที่เราจะได้ระบบ on-line ที่เราไม่ต้องมาลงทะเบียนเองกำลังจะมาถึง แต่ก็ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่ว่าจะทำได้จริง ยังมีข้อติดขัดที่เราจะต้องหาทางแก้ไขให้ได้อยู่อีก (แม้จะไม่ใช่ปัญหาของเราโดยตรง)
เราสมควรจะขอคนมาเพิ่มได้ งานของหน่วยเคมีคลีนิกเรียกได้ว่าสร้างรายได้ให้ภาควิชาฯ ให้คณะฯได้มากมายเสมอมา แต่เราต้องรับภาระงานที่หนักเหลือเกิน คนคุณภาพของเราเหนื่อยล้ากันจนไม่สามารถจะใช้ศักยภาพที่มีให้เกิดประโยชน์ได้เต็มที่ ตัวเองได้ลงทุนลงแรงคิดปริมาณงาน ทำรายงานประกอบเพื่อขอคนเพิ่ม ผ่านมาแล้วเป็นเดือน โดนสัมภาษณ์ถึงระบบการทำงานในหน่วยให้กับผู้ที่มาประเมิน ทั้งโดยตรงและผ่านทางโทรศัพท์ รวมแล้วก็หลายชั่วโมง ตลอดเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องอธิบายถึงระบบงานในห้องซ้ำแล้วซ้ำอีก พูดโทรศัพท์กันทีละเกือบครึ่งชั่วโมง จนถึงวันนี้ก็ยังได้ทราบว่าเรื่องของเรายังไม่ถึงขั้นตอนการนำเสนอคณบดีเลย ยังคงรอผู้ประเมินตัดสินใจนำเสนออยู่ เพราะยังไม่เคลียร์ว่าเราน่าจะขอคนเพิ่มได้ ดูเหมือนเราไม่ได้รับความเห็นใจเลยว่า เราทนทำงานหนักกันมาหลายปี โดยไม่ขอคนเพิ่ม กลายเป็นว่าเราทำได้มาตั้งนานโดยไม่ขอ ทำไมเพิ่งมาขอ
สำหรับตัวเองแล้ว ต้องบอกว่าท้อใจจริงๆ พิจารณาตัวเองได้ว่า ทำไม่สำเร็จ ไม่สามารถช่วยคนของเราที่ทำงานกันหนักหนาสาหัส ระหว่างที่เราไม่อยู่
นึกไปถึงว่า ตัวเองโดนคนหลายๆคนทักว่า เป็นดอกเตอร์แล้วทำไมยังต้องทำงานวิ่งไปวิ่งมา ใช้แรงงานอยู่เลย เกิดความรู้สึกขัดแย้งในใจว่า ทำไมถ้าเราไปเรียนต่อจนถึงขั้นนี้แล้วจะกลับมาทำงานแบบเดิมไม่ได้ เราน่าจะทำได้และทำงานอย่างอื่นได้ด้วยมากกว่า ในกรณีของหน่วยเรา ถ้าตัวเองคิดเหมือนที่โดนทักแล้วพยายามทำให้ตัวเองหลุดออกไปจากวงจรนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นความเห็นแก่ตัวอย่างร้ายแรง เพราะตอนเราไม่อยู่ ไม่ได้มีคนทำงานแทน คนในหน่วยต้องเกลี่ยงานกันเอา แต่พอกลับมามีวุฒิสูงขึ้น โดนดึงไปทำงานอย่างอื่นที่สบายกว่า ใช้แรงงานน้อยกว่า แล้วอย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรมกับคนทำงานอื่นที่ต้องรับภาระหนักกันมาตั้งนานสิ แน่นอนว่าคนที่ทำงานอยู่ก็คงไม่อยากให้ใครมีโอกาสไปเรียนแน่ เพราะกลับมาแล้วก็จะหายไปทำอย่างอื่น
สรุปแล้ว ถือว่าภารกิจที่ 1 ยังน้อยกว่าคาดเป็นอย่างยิ่งค่ะ ไม่อยากให้ตัวเองต้องท้อแท้หมดแรงในสภาพนี้เลย แต่ก็สัญญากับตัวเองไว้ว่า จะยังคงพยายามต่อไป จะหาหนทางเท่าที่จะทำได้ต่อไป เพื่อให้คนคุณภาพของหน่วยเราได้มีโอกาสแสดงศักยภาพด้านอื่นๆบ้าง ไม่เพียงแต่หมดแรงไปกับงานบริการอันมากมายนี้ไปเสียก่อน
จะทำอะไรต่อไป....ข้อ 1 ค่ะ ถ้าไม่สำเร็จ อะไรอื่นๆก็คงต้องเป็นสิ่งที่ทำคู่กันไป สงสัยแต่ว่าตัวเองจะมีแรงกำลัง ทำได้ทั้งหมดหรือเปล่าเท่านั้นเอง
อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณโอ๋
ก็เพราะคุณโอ๋เป็นคนดีค่ะ ครูอ้อยตอบเอง.. ถูกใหมคะ
เรามาเติมพลังให้กันและกันค่ะ
สวัสดีค่ะอจ.โอ๋
อยากให้กำลังใจค่ะ..ปัญหาการหาคนเพิ่มแม้เป็นเหมือนกับสิ่งที่ยากมาก..แต่ถ้าเหนื่อยนักการบอกให้เขารู้ก็พึงกระทำจริงๆ...บางทีก็เป็นเรื่องแปลกค่ะอจ.ที่นายท่านเห็นเราทำได้ท่านก็เลยลืมนึกไปว่าเราก็เป็นมนุษย์ที่เหนื่อยล้าเป็นและมีมิติชีวิตอื่นๆที่มากกว่าที่ทำงาน...แต่อ่านผลงานครบหนึ่งปีที่อจ.ได้กลับมาบ้านแล้วรู้สึกภูมิใจแทนและเป็นเกียรติที่ได้รู้จักกับอจ...ส่งแรงใจเชียร์ให้ทุกภารกิจของอจ.สำเร็จสมใจในที่สุดค่ะ
แต่
Reading your note initiates my thought of the impact of PhD degree on the practical levels of clinical services.
I do believe your enthusiastic performance that is leading both practical skills and critical thinkings, derived from your PhD experience, to assist your working staffs.
Whenever you have experienced every levels of clinical services and scholarly understood how to cope your working situations, I have no doubt that you will be getting there at a successful expectation.
I do always love to see your achievement, smart personality, and good mind.
I am going to get my thesis done on 15 Dec krab...very tried but waiting to achieve it krab...
Miss you and your family krab.
เท่าที่เห็นคุณโอ๋ทำเต็มที่ในทุกงานที่รับมา อย่าเพิ่งท้อนะคะ ขอยกข้อความจากคห.ของพี่เม่ยมาอีกครั้งค่ะว่า "เวลายังมีมากพอ ที่คุณโอ๋จะขับเคลื่อนเจตนารมณ์ของตนเองให้ไปถึงเป้าหมายได้" มุ่งมั่นต่อไปค่ะ
ขอบคุณครูอ้อย คุณseangia พี่เม่ย คุณศิริ อ.Pop คุณเอื้ออ.ปารมี คุณเมตตา สำหรับคำนิยมและกำลังใจค่ะ ต้องขอยืนยันซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า โลก GotoKnow นี่เองที่ทำให้เรารู้ว่า เราไม่โดดเดี่ยว ถ้าตั้งใจดี
ขอบคุณครูอ้อยและคุณจันทรรัตน์ที่เป็นตัวอย่างกระตุ้นให้รู้จักการโต้ตอบต่อยอดในบันทึกตัวเอง
ขอบคุณคุณ seangia ที่คอยมาหยอดอะไรให้เสมอ รู้สึกว่าเราจะมี"หัวอก"อันเดียวกันเลยนะคะ
ขอบคุณพี่เม่ยและคุณศิริ กำลังใจและตัวอย่างที่ดีใกล้ๆตัว พวกเราน่าจะเป็นเพชรกันหมดเลยค่ะ พี่เม่ย "เพชรในตม"ไงคะ เรารู้เองแหละว่าเรามีค่า ใครไม่เห็นก็ช่าง...เนาะ
อ.Pop ขอให้ถึงวันนั้นเร็วๆนะคะ ขอบคุณสำหรับคำนิยมค่ะ อย่าเขียน thesis หรูหราแบบนี้นะคะ เดี๋ยว reviewers ปวดหัว ให้เขียนใหม่อีกรอบละแย่เลย
อาจารย์"คุณเอื้อ"คะ กราบขอบคุณที่อาจารย์เข้าใจและรับรู้รับฟังอย่างไม่นิ่งเฉยเสมอค่ะ ไม่ท้อหรอกค่ะ ตราบใดที่ยังมีคุณเอื้อน่ารักๆแบบอาจารย์
คุณเมตตา...ขอบคุณค่ะ ถ้าพี่มหัศจรรย์ คุณเมตตาก็คงเป็นมห..มหัศจรรย์ค่ะ