การเขียนบันทึกทุกวัน...ทำให้ผมรู้ตัวเองว่ายังมีชีวิต



ผมรู้ว่า ผมชอบเขียนบันทึกตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว

เขียนบนเศษกระดาษบ้าง เขียนในสมุดบันทึกบ้าง และเขียนบันทึกที่ GotoKnow ในระยะหลัง ๆ

เขียนไปตามเรื่องตามราว ไม่มีสาระ ไม่มีสาระบ้าง

ในบันทึกจะมีแอบระบายอารมณ์ ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละวัน

--

บันทึกของผมเริ่มสามารถอ่านเข้าใจมากขึ้น ๆ เมื่อผมเขียนเรื่อย ๆ

การสะสมชั่วโมงบินจากการอ่านหนังสือ และอ่านบันทึกของกัลยาณมิตรใน GotoKnow

ถ้ามีการสอบวัดผลปลายภาค ผมให้คะแนนตนเอง 6 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10

แต่ความสุขในการเขียน ผมให้คะแนน 10 เต็ม 10

--

เมื่อผมย้อนหลังไปอ่านบันทึกเก่า ๆ

ทำให้ผมอดยิ้มกับการเพ้อเจ้อ เวิ่นเว้อ ความสุข-ทุกข์ และภาวะอารมณ์ในแต่ละวัน

แต่มีหลายสิ่งที่ซ่อนและสำคัญมากในนั้น

คือ ความคิด ความทรงจำ เรื่องราว ผู้คน มิตรภาพ และรอยยิ้ม

ผมรู้สึกว่า ชีวิตตนเองมีสีสัน และไม่เสียดายเวลาในการเขียนบันทึกในแต่ละวัน

--

บ่ายในวันฤดูหนาว ที่แสงแดดร้อนแรงอบอ้าว

ผมปิดม่านสีฟ้าบังกระจกหน้าต่างในห้องสีขาว

เปิดประตูรับแสงสว่างจ้าจากแสงแดดที่มาจากภายนอกเท่านั้น

--

ผมอ่านหนังสือ “พลังที่ซ่อนอยู่” ของ สุดารัตน์ เทียรจักร (องุ่น) อายุเพียง 24 ปี

นักเขียนที่เริ่มเขียนบันทึกทุกวันเมื่อแขนและมือของเธอเริ่มขยับได้

เธอโชคร้ายที่เกิดอุบัติเหตุทางจราจร ตอนชั้น ม.1 จนต้องนอนแน่นิ่งเป็นผักนานมาก

และปัจจุบันเธอยังนั่งอยู่บนรถเข็น “เธอเป็นผู้พิการ”

--

ในความ-โชคร้าย เธอเป็นผู้พิการ

ในความ-โชคดี เธอได้เขียนบันทึกเมื่อเธอสามารถกลับมาเขียนได้อีกครั้ง

นักเขียนดาวรุ่งชื่อดัง “นิ้วกลม” เห็นเธอตามสื่อต่าง ๆ จึงอยากให้เรื่องราวจากบันทึกของเธอ

กลายเป็นหนังสือ

ให้พวกเราทุกคนได้อ่านชีวิตที่เลวร้ายแสนสาหัส และพลังแห่งแรงบันดาลใจในการมีชีวิตต่อไป

ของเธอ...

--

“จะเป็นอย่างไรถ้าคุณตื่นมาแล้วพบว่าร่างกายไร้ความรู้สึกและสั่งการไม่ได้

เธอข้ามผ่านความทุกข์ไปสู่การทำความฝันให้เป็นจริงอย่างไร”

--

ผมนั่งอ่านหนังสือหรือบันทึกของเธอ ที่เต็มไปด้วยความทุกข์สาหัสของเด็กสาว

ที่มีความใฝ่ฝัน แต่ชะตากรรมกลับซ่อน และทิ้งความฝันของเธอไว้เพียงข้างทาง

ผมมีความรู้สึกมากมายที่เกิดขึ้นกับตัวอักษรที่ต้องใช้เวลานานกว่าคนปกติ

กว่าจะได้สักหนึ่งคำ หนึ่งประโยค และหนึ่งหน้า

ความรู้สึกเห็นใจ น้อยใจ และทุกข์ใจไปกับเธอ

--

แต่เมื่อผมอ่านถึงหน้าสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้

เธอไม่เพียงยอมจำนนต่อโชคชะตากรรมเลวร้ายที่ได้รับ

แต่เธอกลับใช้ความโชคร้ายนั้น ใช้ความรักที่เกิดขึ้นในใจ

ความรักที่รายล้อมตัวเธอ

ให้กลับกลายเป็นพลัง ผลักดันเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวเธอเอง

--

และไม่เพียงเท่านั้น...

เธอได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผม

ผู้ที่มีร่างกายและสมองที่ยังใช้งานได้..แต่ใช้พลังที่ซ่อนอยู่น้อยมาก

......

ถอดบทเรียนแบบ ORID Method สั้น ๆ ให้ตัวเอง

เห็น = พลังที่ซ่อนอยู่ในทุกชีวิต

รู้สึก = มีชีวิตอยู่ต้องสู้

คิด/เรียนรู้ = เขียนบันทึกมีประโยชน์หลาย ๆ รวมถึงเยียวยาตนเอง

ทำอะไรต่อไป = เขียนบันทึกทุก ๆ วัน

......

6 มกราคม 2559

ฤดูหนาว ไม่หนาวเลย แต่ยังอยากเขียนบันทึกอยู่ร่ำไป...

หมายเลขบันทึก: 599233เขียนเมื่อ 7 มกราคม 2016 16:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มกราคม 2016 16:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

-สวัสดีครับ

-พอได้กลับไปอ่านบันทึกเก่า ของตัวเองก็ทำให้อดนึกขำไม่ได้เช่นกันครับ อิๆ

-สำหรับตัวผมเองแล้วถือว่า"เป็นจดหมายเหตุชีวิต"ที่เปิดอ่านและเพิ่มพลังใจให้กับตัวเองได้ตลอดครับ

-ขอบคุณครับ..

ทุกชีวิตมีพลังในตัวนะคะ .... น้องอดิเรกมีพลังสร้างสรรค์มากมาย ค่ะ .... ควรดังพลังนั้นออกมาสร้างสรรค์ รังสรรค์ เพื่อสังคมG2K ของเรานะคะ

ขอบคุณบันทึกดีดีนี้ค่ะ

หนังสือดีครับ คุณหมอ ;)...

มีหนังสือดีๆที่น่าอ่านมากเลยนะครับ

บางเล่มอยากอ่านมากๆ

แต่ไม่ค่อยมีขายในต่างจังหวัด

ขอบคุณมากๆครับ

คงใช้จ้ะ ทุกคนมีพลังที่ซ่อนอยู่....

หลายคนนำมาใช้...ให้ชีวิตเดินหน้า

ประสบความสำเร็จได้

ในขณะที่อีกหลาย ๆ คนค้นหาไม่พบ

ขอบคุณที่นำมาเล่าสู่กันฟังจ้าา

ชีวิตไม่ต้องสู้..คือ..การ..ปล่อยวาง..ทั้งบวกและลบ..

ขอบคุณที่เขียนบันทึกดีๆให้อ่านเสมอๆค่ะ

ที่สุดแล้ว....
การเขียน
การอ่าน
คือกระบวนการเปลี่ยนแปลงชีวิต ดัง หลักปราชญ์ สุ จิ ปุ ลิ

ที่สุดแล้ว คือกระบวนการกล่อมเกลา เจียระไนชีวิต นั่นเอง ครับ

...

ขอบคุณครับ คงได้หาเวลาไปหยิบจับมาอ่านเหมือนกัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท