ในบันทึก ‘(99) Unity : กลยุทธ์ White Ocean ของพยาบาลโรคจิต!’ (https://www.gotoknow.org/posts/589943) ดิฉันเล่าถึงวีรกรรมของตนเองที่จับมือกับคู่แข่งขันคนหนึ่ง วางแผนผนึกกำลังกันต่อสู้กับผู้แข่งขันคนอื่นๆ ด้วยกลยุทธ์ White Ocean หรือน่านน้ำสีขาว เพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่างการสานเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้าง ‘ความเป็นธรรม’ ในการแข่งขันเพื่อก้าวเข้าสู่ตำแหน่งวิชาชีพชำนาญการพิเศษ (ความหมายต่างกับความยุติธรรมนะคะ) โดยแอบคาดหวังลึกๆ ว่า จะช่วยส่งผลเล็กๆ ให้มีการพิจารณาเลื่อนระดับที่ได้รับการยอมรับจากผู้เกี่ยวข้องมากขึ้นด้วย แต่การส่งผลงานเข้ารับการคัดเลือกสมัยที่ 5 ของดิฉันก็ผ่านไปแบบไม่เป็นผล ไม่มีโอกาสลุ้น ครั้งนี้ผู้สมัครทั้งหมดถูกแขวนไว้ไม่ได้รับการพิจารณาในระดับกรมสุขภาพจิต จนกว่าหน่วยงานจะมีคำตอบที่เหมาะสมสำหรับเรื่องที่มีการท้วงติง! ดิฉันไม่ต้องการทราบรายละเอียดหรอกค่ะ
ด้านผู้สมัคร ต่างได้รับผลกระทบมากน้อยต่างกันไป น่าเห็นใจหลายคนที่ต้องวิตกกังวลว่าผลงานจะหมดอายุ นำมาขอรอบใหม่ไม่ได้ (กำหนดส่งผลงานย้อนหลังไม่เกิน 3 ปี) เพราะกว่าจะได้ผลงานมาเสนอ มันสาหัสนัก!
ดิฉันหรือคะ ดิฉันไม่ได้ลุ้นว่าตนเองจะได้รับคัดเลือกหรือไม่ เพราะเป็นหมากนอกสังเวียนอยู่แล้วค่ะ หลังจากส่งเอกสารแล้วดิฉันก็ผันตัวเองมาอยู่ในบทบาทผู้ดู โดยถือรายชื่อผู้สมัครเรียงไว้พร้อมเหตุผลเบื้องลึกที่แต่ละคนจะได้รับการคัดเลือก พร้อมกับการลุ้นอย่างระทึกว่าผลการพิจารณาจะเป็นไปตามที่ตนคาดการณ์ไว้หรือไม่ ใช้เป็น evidence based สำหรับวิเคราะห์แนวโน้มทิศทางองค์กรในปีถัดไป .. เห็นไหมคะว่าดิฉันนั้นเป็นผู้รู้ระดับลึกคลุกวงในเชียวนะคะ (ฮา)
สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มีประกาศแต่งตั้งพยาบาลระดับชำนาญการพิเศษที่ผ่านการคัดเลือกรอบที่แล้ว คำสั่งย้อนหลังถึงกรกฎาคม 2558 (ครั้งนั้นดิฉันลงสมัครเป็นสมัยที่ 4) ผู้คนต่างแสดงความยินดีลงในไลน์ของหน่วยงาน ดิฉันก็รู้สึกยินดีค่ะ
แต่เอ๊ะ! ความรู้สึกมันแปลกๆ
ดิฉันพยายามหาเวลาอยู่กับตนเองเงียบๆ เป็นพักๆ เพื่อถามตัวเองกลับไปกลับมาว่า ดิฉันก็รู้สึกยินดีจริงหรือ? .. ใช่ รู้สึกยินดีจริงๆ ค่ะแต่ไม่ใช่ความรู้สึกเดียวในขณะนั้น ! .. ยังมีความรู้สึกอื่นอีก
ดิฉันรู้สึกยินดีกับผู้ได้รับการแต่งตั้ง แต่ ‘ไม่’ รู้สึกยินดีกับผู้ที่เข้ามาแสดงความยินดีกับเธอ .. เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดไหมคะ อธิบายยากค่ะ
สิ่งที่ดิฉันอธิบายได้คือ ดิฉันจับความรู้สึกหวั่นไหวเล็กๆ ในใจตนเอง เหมือนอาฟเตอร์ช็อคเบาๆ หลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ได้ มันไม่นิ่ง มันไม่สงบ มันก็เกิดขึ้นได้บ้างละ แต่ไม่ควรเป็นดิฉัน
ดิฉันสั่งตนเองให้ทำใจยอมรับวัฒนธรรมขององค์กรนี้ให้ได้ ตั้งแต่ก่อนย้ายมารับราชการที่นี่ในปี 2530 แล้ว และคอยควบคุมตนเองอยู่ตลอดว่าทำอะไรได้-ไม่ได้บ้าง พร้อมกับเยียวยาจิตวิญญาณของตนเองด้วยการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ .. ดูท่าว่า มาตรการที่ทำอยู่จะไม่เพียงพอต่อแรงกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมปัจจุบัน
ที่ผ่านมา นอกจากจะเยียวยาจิตวิญญาณของตนเองด้วยการพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอแล้ว ดิฉันยังถือศีลกินเจปีละ 100 วัน ต่อเนื่องมากว่า 10 ปี ตักบาตรทำบุญอย่างสม่ำเสมอ ให้ทุนการศึกษาประจำปีเด็กๆ ลูกหลานบุคลากร แบ่งเงินเดือนไว้เลี้ยงอาหารผู้ป่วยไร้ญาติ ฯลฯ ดิฉันพยายามแจกแจงว่าสิ่งที่ปฏิบัติอยู่นี้ไม่มีผลต่อการพัฒนาจิตใจตนเองนัก .. เพิ่งตระหนักรู้ถึงความรู้สึกลึกๆ ในใจตนเองเมื่อมีเหตุการณ์มากระทบ
ดิฉันแคร์ใจ-จิตวิญาณตนเองค่ะ จึงทบทวนหามาตรการเพื่อสงบใจตน
เพียรถามตนเองกลับไปกลับมาว่า ทำอย่างไรใจจึงสงบ แล้วก็ได้คำตอบว่าควร ‘วาง’ วางทุกอย่าง ไม่คาดหวัง อย่าหลอกตัวเองหากยังไม่วางจริง .. จนกระทั่งได้กลับไปอ่านคำตอบของตนเองที่ตอบความคิดเห็นของคุณขจิต ฝอยทอง ในบันทึก (110) ตัวอย่าง CEO ตัวจริง! (https://www.gotoknow.org/posts/596017) ว่าดิฉันกำลังดูแลสุภาพตนเองอยู่ .. ดีค่ะ ต่อไปนี้ดิฉันจะดูแล ‘สุขภาพใจ’ ตนเองอย่างจริงจัง โดยดึงตัวเองออกมานอกสังเวียนการแข่งขัน
ดึงตัวออกมา อย่างไร? .. ดิฉันจะปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำงานทุกอย่างให้ดี ‘เกินคาด’ เหมือนเดิม แต่จะไม่ส่งตัวเองเข้ารับการพิจารณาเลื่อนระดับอีก! ถ้าเราชนะตัวเอง มันก็จะชนะทั้งตัวเอง ชนะทั้งคนอื่น ชนะทั้งอารมณ์ ชนะทั้งเสียง ทั้งรูป ทั้งกลิ่น ทั้งรส ทั้งโผฎัฐพพะ เป็นอันว่าชนะทั้งหมด ยอดคำสอนของพระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท) .. ดิฉันจะมีโอกาสสัมผัสผลของการปฏิบัติธรรมก่อนเกษียนเชียวนะคะ
ช่วงนี้อยู่ระหว่างเจรจาต่อรองเพื่อขออนุญาตจากผู้ปกครองอยู่ค่ะ เพราะชีวิตเรามีกันและกัน 50-50 นี่คะ ภารกิจสำคัญนี้คงใช้พลังงานสำรองเยอะมากกว่าจะวางใจได้สำเร็จ
ขอกำลังใจจากทุกท่านด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ใช่ครับ..
วัฒนธรรมองค์กร คือกติกาองค์กร ถูกผิดเราเรียนรู้และหาพื้นที่แห่งเราในวัฒนธรรมนั้น เพื่ออยู่ร่วมและสร้างสรรค์บางสิ่งบางอย่างภายใต้วัฒนธรรมองค์กรนั้นๆ
ชื่นชมครับ