ตั้งแต่ทราบว่า จะได้มีส่วนร่วมไปสอนสัคคสาสมาธิ ให้ผู้ต้องขังในเรือนจำ
ผมจึงได้พยายามปรับปรุงวิธีการสอน ให้มีความเหมาะสมกับผู้เรียนมากยิ่ง ๆ ขึ้นตลอดมา หนอ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมเริ่มสังเกตุเห็นว่า มีสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้นหลายประการ
อันที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเตรียมการสอนอย่างยิ่ง ยกตัวอย่าง เช่น
เกิดเหตุการณ์ทางโลก จนเป็นเหตุให้จิตใจกลับมาวุ่นวายอย่างหนักอีกครั้ง ในรอบหลายปี
ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กำลังออกแบบการสอนสัคคสาสมาธิพอดี
และเมื่อได้สัมผัสสภาพจิตใจที่วุ่นวายอย่างนั้น ทำให้ผมหวนนึกถึงสภาพจิตใจของผู้ต้องขังว่า
ส่วนใหญ่น่าจะมีความวุ่นวายมากกว่าผู้คนทั่วไปนอกเรือนจำ หนอ
สภาวะที่ "จิตว่าง" จิตรวมลงเป็นสมาธินั้น เป็นประสบการณ์อันเกิดจากปัญญาปฏิบัติ
สำหรับผู้ที่ฝึกตนนั้น เมื่อจิตใจ "ตก" ลงไปสู่ความวุ่นวาย จะทราบและมีวิธีการ
ยกจิตใจให้ "ตั้ง" ขึ้นมาใหม่ สามารถทำให้จิตใจกลับสู่ความสงบรวมลงเป็นสมาธได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
และรวดเร็วยิ่งกว่าผู้ที่ไม่ได้ฝึกตน
*** สิ่งสำคัญ คือ สภาวะจิตใจ 2 แบบนั้น
สัมผัสและรับรู้โลกได้แตกต่างกันอย่างมาก หนอ
ในการพัฒนามนุษย์ด้วยสมาธิ และพุทธธรรมนั้น
ต้องนำพาให้ผู้ปฏิบัติสัมผัสประสบการณ์ปัญญาปฏิบัติด้วยตนเองให้ได้
จากประสบการณ์ในการสอนนิสิตของผม
ถ้ามีเวลามากเป็นเทอม เช่น สอนเป็นเทอม
ก็จะใช้กิจกรรมที่หลากหลายค่อยเป็นค่อยไป
แต่ถ้ามีเวลาน้อย เช่น ในงานสัมมนา 1 วัน
ก็จะนำพาผู้ฝึกเข้าสู่ "ภวังค์" ให้ได้ ด้วยกิจกรรมการทำสมาธิแบบ Scan Body
เพราะถ้าผู้ฝึกใหม่ ไม่สามารถเข้าสู่ ภวังค์ได้
ก็ยากที่จะเข้าใจสภาวะจิตของผู้ที่ฝึกสมาธิได้ ก็จะทำให้ขาดศรัทธาในการฝึกสมาธิในขั้นต่อไป
สาธุๆๆ
รออ่านต่อครับ
เพิ่งไปวิ่งมาเหมือนกันครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับอาจารย์