​ มุมพอเพียงเลี่ยงความวุ่นวาย ภายใต้ยุคข้าวยากหมากแพง


พยายามที่จะเขียนให้ท่านผู้อ่านได้มีทางเลือกเล็กๆ ไว้อีกช่องทางหนึ่งในการที่จะใช้ในการดำเนินชีวิตให้มีความสุขในทุกขณะ จึงต้องอาศัยแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องการทำเกษตรพอเพียง ที่ให้แบ่งพื้นที่ออกเป็นสี่ส่วน ส่วนที่หนึ่ง 30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อใช้ในการเตรียมสระหรือแหล่งน้ำประจำไร่นาส่วนที่สองอีก 30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อไว้ปลูกข้าวทำนาไว้เป็นเสบียงเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ส่วนที่สามอีก 30 เปอร์เซ็นต์ให้ปลูกป่าสามอย่างประโยชน์สี่อย่าง ปลูกพืชกินได้ หรือปลูกในสิ่งที่กิน ให้กินในสิ่งที่ปลูกปลูกพืชใช้สอย ปลูกพืชเศรษฐกิจ และได้ผืนป่าที่คอยช่วยอนุรักษ์ดินและน้ำ

ท่านผู้อ่านและเกษตรกรท่านใดที่สนใจใฝ่รู้เกี่ยวกับการทำเกษตรให้มีความสุขก็ควรที่จะน้อมนำทำตามแนวพระราชดำรัสของในหลวงไปปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม รับรองว่าถ้าฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคในชีวิตด้านหนี้สินไปได้ เมื่อนั้นก็จะมีแต่ความสุขทั้งกายใจไปตลอดจนกว่าจะสิ้นลมหายใจทีเดียวเชียวล่ะครับ เพราะว่าการโน้มนำทำให้ชีวิตกลับไปสู่ระบบเกษตรพอเพียง เกษตรธรรมชาตินั้น ไม่จำเป็นต้องใช้สตางค์แม้แต่บาทเดียวเมื่อหิวก็กินข้าว กิน ไก่ ไข่ ปลา ที่เพาะปลูกเลี้ยงดูอยู่ในโซนพื้นที่ที่เหมาะสม พอเหมาะพอดี ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป

ท่านที่มีพื้นที่เป็นร้อยเป็นพันไร่ก็สามารถที่จะแบ่งพื้นที่มาเป็นโซนหรือมุมพอเพียงประมาณสักหนึ่งถึงสองไร่ เพื่อใช้ในการทดสอบจิตใจว่ามีความฝันใฝ่ในอาชีพเกษตรอย่างแท้จริงหรือไม่ สามารถที่จะดำรงคงชีวิตในพื้นที่พอเพียงแบบเลี่ยงการใช้เงินได้ตลอดทั้งเดือน ทั้งปีได้หรือไม่ และเป็นการทำแบบฝึกหัดในสาขาอาชีพเกษตรทำให้เกิดการเฝ้าดู สังเกต ทดลอง การปลูกพืช ใต้ดินบนดินอย่าง ขิง ข่า กระชาย ตระไคร้ มะกรูด ไพล ขมิ้น สักทอง ตะแบก เหียง เต็ง รัง ยางนา มะม่วง ลองกอง มังคุด ทุเรียน ฯลฯ พอผ่านไปได้สักปีสองปี รับรองได้ว่า จะมีความชำนาญเพิ่มมากขึ้น จนพร้อมที่จะไปประกอบอาชีพเกษตรกรรมในพื้นที่ที่เหลืออยู่ จะปลูกยางพารา อ้อย ข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน พืชไร่ไม้ผลต่างๆ ตามชอบใจ ก็ได้ทั้งนั้น อย่างน้อยก็ไม่โดนหลอกให้ใช้ของที่ไม่จำเป็นได้ง่ายๆ

การนำความรู้จากเกษตรพอเพียงไปปรับใช้ในการทำธุรกิจเกษตรเชิงเดียว ย่อมมีความเสี่ยงและอาจเกิดความเสียหายได้ง่ายและมากกว่าการทำเกษตรพอเพียง เกษตรแบบผสมผสาน เพราะระบบนิเวศจะต่างกัน ดังนั้นถ้าผิดพลาดพลังไปก็พยายามคืบคลานกระเสือกกระสนกลับมาอยู่ในโซนพอเพียงให้ได้เพราะว่าโซนหรือมุมนี้มีแต่เรื่องที่เป็นสุข ยิ่งผ่านกระบวนการทำเกษตรพอเพียงมาได้ รับรองว่าจะมีความคิดที่มีเหตุมีผล มีความพอดีพอประมาณ มีภูมิคุ้มกันในการที่จะไม่ทำให้พลาดพลั้งในการออกไปทำอาชีพอื่นๆ นอกโซนพอเพียงจนสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างแน่นอน

ในยุคที่เรียกได้ว่าข้าวยากหมากแพงนี้ จึงขอเชิญชวญท่านผู้อ่านมาทดสอบสมรรถนะทั้งกายและใจกันดูนะครับว่าท่านๆ สามารถที่จะเผชิญชีวิตในโลกของเกษตรพอเพียงที่เป็นของจริงกันได้หรือไม่และมีความต้องการแนวทางนี้จริงๆ หรือเปล่า ถ้าท่านทำมันได้ด้วยความสุข รับรองได้ว่าชีวิตนี้ เมื่อหมดหนี้สิน หมดภาระที่ยุ่งยากลำบากใจในวัยก่อนนี้ ที่อาจจะไปเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเสียนานจนได้หนี้สินมาพอสมควร เมื่อหมดภาระดังกล่าวและดำเนินชีวิตในมุมพอเพียงนี้ ท่านจะมีความสุขทั้งกายและใจได้อย่างแน่นอนครับ

มนตรีบุญจรัส

ชมรมเกษตรปลอดสารพิษwww.thaigreenagro.com

หมายเลขบันทึก: 595534เขียนเมื่อ 29 กันยายน 2015 18:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน 2015 18:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท