ครูชาติอินเดียมีจิตวิญญาณความเป็นครูสูงมาก ใจเย็น คอยชี้นำ ชี้แนะหนทางให้ลูกศิษย์ (guide) ไม่บอกตรงๆ (tell) เท่าที่คุยกับทั้งครูและศิษย์ที่นี่ ระบบการศึกษาน่าจะรับมาจากอังกฤษและแปลงให้เข้ากับบริบทตัวเองอีกที
นักเรียนที่นี่ถนัดการ discuss มาก (ช่วงที่ผมมาดูงานที่นี่ เขาเริ่ม course Fellowship programme of Palliative Care พอดี เลยได้มาโอกาสได้นั่งเรียนด้วย)
ช่วงที่เรียน บางหัวข้อกำหนดไว้ 1ชม. การถกกันจนกลายเป็น 2 ชม.นี่ถือเป็นเรื่องปกติครับ เวลามีอะไรสงสัยนร.ก็ไม่มีอาการหน้าบางรึหลบตา ถามกัน ณ ตอนนั้นเลย ไม่ clear ไม่เลิก ครูก็จะอธิบายเพิ่มให้ ถ้าใครมีประเด็นเสริมก็จะคุยตรงนั้นเลยเหมือนกัน
เวลาถกกัน ก็คุยกันแบบ argument นะครับ ยกประเด็นมาและนำเสนอเหตุผลที่ทำให้เชื่อเช่นนั้นและตมด้วยข้อสรุป ฝ่ายที่ตอบก็ตอบด้วย argument เช่นเดียวกัน
เท่าที่อยู่มา ยังไม่เจอ fallacy (ตรรกะวิบัติ) ให้เห็น
บางครั้ง argument ก็กลายเป็น heated argument แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่เอาอารมณ์มาครอบงำ ยังคงครรลองของเหตุผลเวลาคุยตลอดครับ พอคุยจบก็ส่ายหัว ยิ้ม และพากันไปจิบน้ำชายามบ่าย/ดึก ต่อ บางทีก็มาคุยภาคต่อของเมื่อครู่กันในวงน้ำชารึวงข้าวเย็นก็มี
เท่าที่คุยกับหมอที่นี่ เค้าว่าครูตั้งแต่ประถมยันถึงระดับ fellowship course ที่ผมได้ร่วมเรียน เป็นแบบนี้หมดครับ
ส่วนนักเรียน ก็ให้ความเคารพครูสูงมาก ต่อให้อาวุโสกว่า ถ้าตัวเองเป็นนักเรียน ก็จะเรียกคนสอนว่า Sir รึ madam ตลอด เวลาเรียนก็นั่งฟังกับจดแบบตั้งใจมาก ชนิดที่ว่าไม่ให้หลุดกระเด็นแม้แต่คำเดียว และพอกลับกัน พอนักเรียนคนที่นั่งกลายเป็นคนสอน ครูคนก่อนหน้าก็สวมบทเป็นนักเรียนและเรียกคนที่ยืนหน้าห้องว่า sir/madam ต่อโดยธรรมชาติ
บางคนเวลาแนะนำตัว ทั้งๆที่เจ้าตัวเป็นระดับศ. แล้วยังชอบแนะนำตัวเองเลยว่าเป็นศิษย์ใคร ผ่านมือใครมาบ้าง
เวลาคุยกัน ถ้ารู้ว่ามีครูคนเดียวกัน ก็ไม่ต้องแนะนำอะไรเพิ่มแล้วครับ นับเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันได้หมด
อย่างกรณีของผม คนจะสงสัยมากว่า you มาทำอะไรที่นี่ ทำไมรู้จักที่นี่ ฯลฯ พอบอกไปว่ารู้จักจาก อ.ท่านหนึ่ง ก็ไม่ถามอะไรเพิ่มแล้วครับ
พลังครูของที่นี่นั้นยิ่งใหญ่จริงๆ
ไม่มีความเห็น