ปัจจุบันภาครัฐได้มีการนำ เรื่อง สมรรถนะเข้ามาใช้ในระบบของ
การบริหารงานภาครัฐ ซึ่งในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
ได้กำหนดตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา /ว ๒
ลงวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๔ เรื่อง แนวทางการกำหนดสมรรถนะ ความรู้ความสามารถ
และทักษะที่จำเป็นในการปฏิบัติงานสำหรับตำแหน่งข้าราชการพลเรือนในสถาบัน
อุดมศึกษา...โดยกำหนดให้แต่ละมหาวิทยาลัยกำหนดสมรรถนะเพื่อให้บุคลากร
สายวิชาการและสายสนับสนุนวิชาการ นำมาใช้ในการประเมินพฤติกรรมของแต่ละ
บุคคล...สกอ. กำหนดสมรรถนะ แบ่งเป็น ๓ สมรรถนะ ได้แก่
สมรรถนะหลัก สมรรถนะเฉพาะตามลักษณะงานที่ปฏิบัติและสมรรถนะทางการบริหาร
ซึ่งตามสำนักงาน ก.พ. ซึ่งเป็นแม่แบบของการบริหารงานบุคคล ได้กำหนดสมรรถนะหลัก
เป็น ๕ สมรรถนะ...สมรรถนะเฉพาะตามลักษณะงานที่ปฏิบัติ กำหนดเป็น ๑๖ สมรรถนะ...
ส่วนสมรรถนะทางการบริหาร กำหนดเป็น ๖ สมรรถนะ...
สมรรถนะต่าง ๆ มหาวิทยาลัยต้องนำมากำหนดให้กับบุคลากรของมหาวิทยาลัยเอง
เพื่อนำมาใช้กับบุคลากรในมหาวิทยาลัย...แต่ละมหาวิทยาลัยก็จะกำหนดสมรรถนะ
ดังกล่าวแตกต่างกันไป...ตามบริบทของแต่ละมหาวิทยาลัยที่ต้องการให้บุคลากร
ของตนเองเกิดผลในทิศทางใด...
สำหรับพนักงานมหาวิทยาลัย...การกำหนดสมรรถนะก็จะคล้าย ๆ กับการนำมาใช้กับ
ของข้าราชการ...ซึ่งการบริหารงานบุคคล ส่วนใหญ่ถึงแม้จะมีความแตกต่างกัน
ในแต่ละประเภท เช่น ข้าราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย หากถ้าภาระงานที่ปฏิบัติ
จะคล้าย ๆ กัน ส่วนใหญ่จะกำหนดสมรรถนะไม่แตกต่างกัน จะคล้าย ๆ กัน
เพราะการบริหารงานบุคคล จะต้องไม่เลือกปฏิบัติ ถึงแม้การแตกต่างจะแตกต่างกัน
ที่ประเภทของบุคลากร แต่ในการวัดภาระงานไม่ควรต่างกัน เพราะจะเป็นที่มาของ
คำว่า "การเลือกปฏิบัติ"...
สำหรับการวัดสมรรถนะ ต้องเป็นไปตามค่าความคาดหวังของมหาวิทยาลัย
ว่าต้องการสมรรถนะระดับปฏิบัติการเท่าใด ระดับชำนาญการเท่าใด ระดับชำนาญการพิเศษ
เท่าใด ระดับเชี่ยวชาญและเชี่ยวชาญพิเศษเท่าใด...ส่วนระดับการบริหารก็จะมีการกำหนด
ค่าคาดหวังของมหาวิทยาลัยว่า แต่ละตำแหน่งที่เป็นผู้บริหารนั้น มหาวิทยาลัย
ต้องการเท่าใด...ผลต่างหรือ Gap จะเป็นช่องที่แสดงให้เห็นถึงว่ามหาวิทยาลัย
ควรพัฒนาหรือมีคนที่มีคุณภาพอยู่แล้ว ภายในมหาวิทยาลัย...
การวัดสมรรถนะ มหาวิทยาลัยต้องหาเครื่่องมือที่สามารถวัดพฤติกรรมของบุคลากร
ได้อย่างแท้จริง จึงจะเกิดผลที่แท้จริง...และการประเมินสมรรถนะ ผู้บริหารที่ควบคุม
ต้องรู้จักลูกน้องและเข้าใจอย่างแท้จริง ไม่อคติหรือเข้าข้าง ต้องวางตัวเป็นกลาง
จึงจะสามารถวัดสมรรถนะนั้นได้อย่างเกิดผลสัมฤทธิ์ที่แท้จริง...
การวัดสมรรถนะอาจใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยจัดการเพื่อวัดพฤติกรรม
ให้เกิดขึ้นมาได้อย่างแท้จริง เพื่อความสะดวกและรวดเร็วของการให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริง...
ในสมัยก่อนที่ฉันทำงานใหม่ ๆ ภาครัฐของประเทศไทย ยังไม่ได้นำเรื่อง "สมรรถนะ"
เข้ามาใช้ เพิ่งเริ่มนำเข้ามาใช้กับระบบการบริหารงานบุคคล ประมาณปี พ.ศ.๒๕๕๐ นี่เอง
...
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ
บุษยมาศ แสงเงิน
๑๗ กันยายน ๒๕๕๘
ขอขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ