คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดการประชุมวิชาการ การจัดการความรู้ : Share & Learn ประจำปี 2558 ในวันพุธที่ 22 กรกฎาคม 2558 ณ ห้องประชุมมิตรภาพ ชั้น 3 อาคารเรียนรวม ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปีจนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมการเรียนรู้ในองค์กรก็ว่าได้
มีการเรียนรู้บทบาทของครูที่ดีจากวิทยากรภายนอกในงานเช่นเดียวกับทุกปี และจากการประเมินตนเองด้านการจัดการความรู้ขององค์กรในปีที่ผ่านมา ทำให้มีการปรับรูปแบบการจัดกิจกรรมกลุ่มจากการจัดแบ่งตามพันธกิจแบบเดิม เป็นการพยายามเน้นประเด็นการสนับสนุนยุทธศาสตร์เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ของคณะฯ ซึ่งมี 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ Premium Professional International และ Innovation
เราใช้ชื่อย่องานกันง่ายๆ ว่า “KM
FOR 2P2I”
ภายหลังพิธีเปิดโดย รศ.นพ.สุรพล วีระศิริ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ (ภาพบนขวา) ที่มี ผศ.ดร.ปิยธิดา คูหิรัญญรัตน์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคล (ภาพบนซ้าย) กล่าวรายงาน
รศ.นพ.สุรพล วีระศิริ กล่าวถึงคำว่า “Share and Learn” ที่นำคำนี้มาใช้ รวมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 แล้วนั้น ผู้คิดคำนี้คือ รศ.จิตเจริญ ไชยาคำ
ผู้มีคุณูปการต่อ KM
คณะแพทย์มาตั้งแต่ต้น รศ.นพ.สุรพล วีระศิริ
กล่าวช่วงท้ายว่า
“...การนำเรื่องราวมาเล่าแบ่งปันทำให้เรามีประเด็นในการทำงานมากขึ้น
หน่วยงานได้รับมรรคผล และคณะฯ มีภาพรวมที่ดีขึ้น
และในฐานะที่เราเป็นโรงเรียนแพทย์ระดับโลกที่สร้างคุณประโยชน์ให้สังคม
เรายินดีที่สร้างบรรยากาศที่ดีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ไปด้วยกัน...”
จากความสำคัญของ “ครูผู้เป็นผู้สร้างศิษย์” สู่คำคมของนักประพันธ์ผู้มีชื่อเสียง วิลเลียม อาเธอร์ วาร์ด จึงเป็นที่มาของการแสวงหา “ครู ผู้สร้างแรงบันดาลใจ” ดังกล่าว
การบรรยายในช่วงเช้าได้รับเกียรติจาก คุณรณชัย ถมยาปริวัฒน์ หรือ ครูอ๊อด คีรีบูน เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ เรื่อง การสร้างคนจากการเป็นครูของเรา “รอวันฉันรักครู”
ครูอ๊อด คีรีบูน เคยเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดังในปี2527-2528โดยเป็นนักร้องนำวงคีรีบูน มีบทเพลงที่มีชื่อเสียงคือ เพลง "รอวันฉันรักเธอ" ซึ่งเรานำชื่อเพลงของครูอ๊อดมาเป็นชื่อ session
ครูอ๊อด เล่าว่า ครูอ๊อดเกิดใน กทม.ก็จริงแต่ครูอ๊อดใช้ชีวิตแบบ “เด็กวัด” ได้ใกล้ชิดกับพระอาจารย์สายกรรมฐานและติดตามรับใช้พระอาจารย์ชินอยู่เสมอ ครูอ๊อดเรียนในโรงเรียนวัดเซิงหวาย มีความประทับใจในวิชาศิลปะเป็นพิเศษเพราะรู้สึกเป็นวิชาที่สร้างความสุข ซึ่งครูมักพาออกไปทำกิจกรรมนอกสถานที่ จนมีโอกาสได้เป็นนักร้อง ครูอ๊อดเป็นนักร้องโด่งดังในปี 2527-2528 ขณะเดียวกันก็ติดตามช่วยงานพระอาจารย์ชินไปพร้อมๆกับเรียนหนังสือจนได้รับปริญญาบัตรจากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ครูอ๊อดใช้ชีวิตติดกับวัดและพระอาจารย์มานาน ทำให้มีพื้นฐานการคิดติดอยู่กับหลักธรรมและปฏิบัติตนเป็นคนดีของสังคม เป็นผู้ทำให้ผู้อื่นเสมอมา ครูอ๊อดบอกกับปากว่า “ผมเป็นเด็กที่มีนิสัยชอบความยุติธรรม ความถูกต้อง ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ” ดังนั้นในช่วงชีวิตบางช่วงจึงมีบทบาทที่แสดงออกซึ่งความรู้สึกนึกคิดเหล่านั้น
ขณะออกช่วยงานพระอาจารย์ เพียงประโยคเดียวของพระอาจารย์ชิน ที่กล่าวว่า “อ๊อดร้องเพลงก็ดีเนาะ ด้านหนึ่งก็ทำให้คนมีความสุข แต่อีกด้านหนึ่งก็ทำให้คนหลงเหมือนกันเนาะ” ด้วยความที่เป็นเด็กและพระอาจารย์ก็ไม่ได้ขยายความให้ละเอียด ครูอ๊อดจึงตีความไปว่า การที่ทำให้คนหลง คงไม่ดี เป็นเหตุให้ครูอ๊อดตัดสินใจเลิกสัญญากับบริษัทค่ายเทป โดยมิได้แยแสกับรายได้ที่กำลังดีในขณะนั้น
“ผมอยากเป็นคนที่ทำแต่สิ่งดีๆ ให้สังคม” ครูอ๊อดกล่าว
ครูอ๊อดใช้เวลาช่วงต่อมาในบทบาทครู ร่วมไปกับพระอาจารย์ชิน สร้างงานให้กับเด็กๆ และสังคม เช่นสร้างโรงเรียน สอนหนังสือ ฝึกให้ชาวเขาเลิกฝิ่น เป็นต้น แต่อารมณ์สุนทรีย์ในเสียงเพลงของครูอ๊อดฝังในจิตวิญญาณ จึงบูรณาการบทเพลงเข้ากับบทเรียนแล้วถ่ายทอดให้กับเด็กๆ ที่สอนจนเกิดผลลัพธ์ที่เห็นเป็นรูปธรรมมากมาย และตอนนี้ ครูอ๊อด” กลับพบว่า ดนตรีสร้างสรรค์งานและมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย
ครูอ๊อดมองว่าธรรมชาติของมนุษย์จะชอบบรรยากาศ “ผ่อนคลาย สนุก ตลก ตื่นเต้น ท้าทาย ได้ลุ้น” นี่จึงเป็นเครื่องมือที่ครูอ๊อดนำมาออกแบบการสอนให้เด็กๆ และนำมาเสนอให้ผู้ใหญ่รุ่นพ่อ-แม่ หรือย่า ยาย อย่างเราๆ ได้ทดลอง
ครูอ๊อดเล่าประสบการณ์ชีวิตที่เกี่ยวกับวัด พระอาจารย์ และหลักธรรมหลายเรื่อง สะท้อนพื้นฐานความคิดและจิตใจที่ซึมซับสิ่งดีมาโดยตลอด อาทิเช่น
“เขายิ่งทำ เขาจึงมี”
“ต้องให้ จึงจะได้”
ครูอ๊อดพูดว่า “เพราะการที่เป็นคนดี มันถูกตีกรอบ” ในตอนนั้นจึงตัดสินใจลาออกจากบริษัทค่ายเพลง เพียงเพราะคิดว่าเสียงเพลงทำให้คนหลง เมื่อเวลาผ่านไปจึงทราบว่าดนตรีสามารถสร้างสรรผลงานดีๆได้มากมาย
จะอย่างไรก็ตามเสียงเพลงของครูอ๊อดมิได้ทำให้ผู้ฟังหลงไหลไปในทางที่ผิดแต่อย่างใด แต่เสียงเพลงกลับทำให้ผู้คนผ่อนคลาย ผู้เขียนก็ใช้เสียงเพลงช่วยผ่อนคลายความเครียดให้ผู้ป่วยที่รู้ตัวขณะผ่าตัดภายใต้การได้รับยาชาเฉพาะส่วนอีกด้วย และผู้เขียนเองก็ใช้เสียงเพลงสร้างสมาธิในการอ่านหนังสือและทำงานมาโดยตลอด
คงไม่แพ้กันที่ รศ.นพ.สุรพล วีระศิริ เองก็เล่าว่า ขณะนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ข้างหน้าต่าง ภายใต้บรรยากาศเย็นๆ พร้อมทั้งมีเสียงเพลง อ้อยใจ ของครูอ๊อด ลอยตามลมมาเบาๆ สร้างความสุขและประทับใจจนจดจำได้ถึงทุกวันนี้
อยากบอกครูอ๊อดว่า
เชื่อเถอะ เสียงเพลงของครูสามารถสร้างคนและสร้างงานในวงการสาธารณสุขได้มากมาย และมหัศจรรย์อย่างไม่น่าเชื่อ
กฤษณา สำเร็จ
27 กรกฎาคม 2558
ไม่มีความเห็น