สองสาวหัวใจนี้ยิ่งใหญ่
ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับพี่แกะ-อนงค์ลักษณ์มานานหลายปีมากจะถือว่าเป็น R2R รุ่นยุคบุกเบิกไปพร้อมๆกับโรงพยาบาลยโสธรก็ว่าได้ R2R คำเขื่อนแก้วเริ่มมาตั้งแต่ประมาณปี 2550 และมาเข้มข้นขยับขึ้นเป็นการขับเคลื่อนในระดับ คปสอ เมื่อสามปีก่อน ยุคสมัยท่านวิทยา เพชรรัตน์เป็นคุณเอื้อในตำแหน่ง สสอ.คำเขื่อนแก้ว และเป็นประธาน คปสอ. มีพี่ใหญ่-อภิญญา บุญถูกเข้ามาเป็นคุณอำนวยช่วยกันกับพี่แกะ
ตลอดสามสี่วันนี้ข้าพเจ้าได้เดินทางไปร่วมงาน R2R Forum กับทั้งสองท่าน
และนี่ไม่ใช่เวทีแรระดับประเทศที่เราไปด้วยกัน นับเป็นเวทีที่สองครั้งแรกที่งาน HA Forum เมื่อต้นปีนี้ใน Session R2R
ครั้งนี้ทั้งสองท่านเป็นตัวแทน คปสอ.คำเขื่อนแก้วไปรับรางวัล Meta R2R และร่วมเป็นวิทยากรใน session เสวนาเรื่อง Meta R2R ด้วย
ตลอดเวลาข้าพเจ้าได้ซึมซับกระแสสายธารแห่งการเปลี่ยนแปลงภายในที่เกิดขึ้นกับพี่แกะ "ไม่เห็นทุกข์เราจะไม่เห็นธรรม"...เป็นประโยคที่เราพูดคุยกันเสมอ ภาวะการเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งไม่ได้เป็นอุปสรรคให้พี่แกะหยุดที่จะพัฒนาตนเอง และยังร่วมขับเคลื่อน R2R ตลอดการเจ็บป่วย 4-5 ปีที่ผ่านมา และนับวันพลังแห่งความเบิกบานและผ่องใสปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ สภาวะการเจ็บป่วยที่ถูกคุกคามหายไปจนมีคนตั้งคำถามว่าป่วยจริงเหรอ
พลังที่เปลี่ยนแปลงเป็นพลังแห่งพุทธะและเบิกบาน
และนำพาองค์กรขับเคลื่อนไปจนได้รับรางวัลโรงพยาบาลคุณธรรม
นี่คือการแปรเปลี่ยนที่ข้าพเจ้าได้สัมผัสและเรียนรู้ พลังแห่งพุทธะ คือ การตื่นรู้และเบิกบานจากพี่แกะ
พี่ใหญ่...เป็นคุณอำนวยที่ข้าพเจ้าประทับใจมาก ดูง่ายๆ สบายๆ "พี่มีงบก้อนหนึ่งพี่อยากทำ R2R" ย้อนไปเมื่อปี 2556 ในตอนนั้นพี่ใหญ่รับผิดชอบงาน NCD กลุ่มโรคเรื้อรังของ คปสอ คำเขื่อนแก้ว และตัวชี้วัดของผู้ป่วยเบาหวาน-ความดันในตอนนั้นภาพรวมเป็นลำดับสุดท้ายของจังหวัด
วง R2R มิติใหม่ของคำเขื่อนแก้วก็เกิดขึ้น เป็นวงที่ขยับเป็นภาพใหญ่ของอำเภอ มีผู้บริหารกระโดดลงมาร่วมด้วยและช่วยกันขับเคลื่อน เมื่อเรานำผลการวิจัยที่ได้จากการทำ R2R ในพื้นที่ 16 รพ.สต.และ 1 โรงพยาบาลมาต่อจิ๊กซอว์เห็นผลการเปลี่ยนไปในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน-ความดัน ผู้ป่วยลดยาได้ off ยาได้ และเมื่อเวลาผ่านมาปีนี้ปีที่สามกราฟก็ยังคงเคลื่อนไปในทางที่ดีขึ้น และที่สำคัญจากลำดับบ๊วยของจังหวัดกระโดดขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของจังหวัดต่อเนื่องมาปีนี้เป็นปีที่สาม
ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าฟังเรื่องเล่านี้จากพี่ใหญ่ ปิติอิ่มเอมใจเกิดขึ้นเสมอ
การขับเคลื่อนแบบเพียงเพื่ออยากลองใช้ R2R มาเป็นเครื่องมือในการทำงานกลับกลายพลิกผันประวัติศาสตร์ผลการทำงาน NCD ของ คปสอ.
และยิ่งมารู้สึกประทับใจมากเมื่อได้มาฟังเรื่องเล่าระหว่างการเดินทาง
"พี่นึกถึงตอนเด็กๆ หลังเลิกเรียนทำการบ้านเสร็จพี่ก็จะไปช่วยหิ้วถังทรายทุกวันๆ เพื่อสร้างโบสถ์ในวัด ทุกวันเลยนะอาจารย์ตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม"
พอฟังเรื่องนี้ข้าพเจ้ากลับไปนึกเชื่อมโยงสายธารการสร้างบุญกุศล เรื่องทานบารมีใช้กายเสียสละในการทำทาน...คล้ายปรากฎการณ์การขับเคลื่อน R2R ณ ตอนนั้นพี่ใหญ่เพียงอยากใช้งบประมาณที่ได้มามาสร้างคุณค่าในงานที่ตนเองรับผิดชอบที่ไม่ใช่เป็นการทำงานในรูปแบบการใช้งบประมาณแบบเดิมๆ จึงเลือก R2R มาเป็นเครื่องมือพัฒนางาน
การทำ R2R เป็นการสร้างคนทำงานให้เกิดปัญญาและปิติสุข
คนหน้างาน คปสอ คำเขื่อนแก้วที่ข้าพเจ้าได้สัมผัสในทีม R2R เป็นคนเอาจริงเอาจัง ลุยงานและกล้าก้าวไปพร้อมกัน
ชื่นใจ...
การเดินทางร่วมกัน
มีเรื่องราวได้หัวเราะและความทรงจำที่ไม่รู้ลืม ไม่ว่าจะเป็นนั่งรถกอล์ฟของโรงแรวโนโวเทลตามหาแท็กซี่รอบเมืองทอง...เรื่องลืมไวนิล R2R แบบสนิทใจที่สนามบินจนทางสนิมบินต้องโทรตามให้กลับไปรับ และอีกหลายเรื่องราว...
ข้าพเจ้าได้ซึมซับความงดงามในจิตใจของพี่ทั้งสองและเชื่อมเป็นพลังให้ข้าพเจ้ามีกำลังใจที่ก้าวเดินต่อไปในทศวรรษที่สองของงาน R2R
รู้สึก ชื่นชมมากๆเลยค่ะ