หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ |
สมัยเด็กหลวงพ่อเคยไปกับโยมแม่
เวลาโยมแม่เอาเมล็ดแตงเมล็ดถั่
โยมแม่จะพูดออกไปว่า
“คนกินเป็นบุญ นกกินเป็นทาน นกกินเป็นทาน คนกินเป็นบุญ”
มันทำให้เราสบายใจดี เพราะถ้าเราไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป
เราก็จะคิดไปว่ามันจะได้ผล จะขาดทุน จะกำไร จะเสียหายอย่างไร
ตรงนี้มันสิ้นเปลืองพลั
บางทีก็นับวันเวลาไปเรื่อย
ลักษณะนี้แสดงว่ายังเป็นผู้ไม่
แต่บางคนก็เป็นผู้รู้ไปแล้ว
เข้าไปง่ายๆ ถลำเข้าไปในความคิด ไปปรุงแต่ง
ตัวสังขารไปปฏิบัติธรรม ตัวหลงมันปฏิบัติธรรม
ปฏิบัติอยู่ก็ยังหลงอยู่ รู้แล้วไม่รู้แล้ว
อยู่กับความรู้ อยู่กับความไม่รู้
อยู่กับความผิด อยู่กับความถูก
ถ้าเข้าไปอยู่มันจะเห็นได้อย่
หลวงปู่เทียนท่านสอนพวกเรา สมัยที่หลวงพ่อปฏิบัติใหม่ๆ
หลวงปู่เทียนท่านให้เข้าไปในกุ
แล้วบอกว่า
“เอ้า ปิดประตู ปิดประตู”
หลวงพ่อก็ปิดประตู หลวงปู่เทียนก็ถามว่า
“เห็นข้างนอกไหม”
ท่านก็ตอบว่า
“ไม่เห็นครับ”
หลวงปู่เทียนก็ถามอีกว่า
“ถ้าไม่เห็นแล้ว จะทำอย่างไรจึงจะเห็น”
นั่นก็คือ ต้องเปิดประตูนั่นเอง
นี่แสดงให้เห็นว่า อย่าพยายามเข้าไปอยู่
อย่าไปเอา อย่าไปเป็น เป็นผู้ผิด เป็นผู้ถูก เป็นผู้ได้ เป็นผู้ไม่ได้
ถ้าอย่างนั้นมันก็เหมือนมีม่
มันไม่ตรง มันไม่เปิดออก มันไม่เปิดเผย
ว่าด้วยเรื่องกรรม การกระทำให้กำหนดรู้ ต้องรู้สึกตลอดเวลา
ไม่ว่าจะพลิกมือขึ้นหรือยกมือขึ
เวลามีคนมาปฏิบัติธรรมหลวงพ่
ต่อจากนั้นก็จะพาเขาเดิน เดินก้าวไปให้รู้
เขาก้าวไปที่ใด หลวงพ่อก็จะเอามือเคาะแขนเขาให้
ความรู้สึกว่า “รู้” มันเป็นแบบนี้
จากนั้นเมื่อเดินอีกสัก ๓๐ นาที ก็เรียกเขามานั่ง
ให้เขายกมือสร้างจังหวะอีก เขาได้สัมผัสกับความรู้สึก
ให้ตัวสัมผัสอยู่กับสติอยู่กั
เมื่อกี้คุณมีสติอยู่กับกาย จิตใจของคุณคิดไปทางอื่นบ้างไหม
ในหมู่พุทธบริษัท จุดอื่นมันไม่บกพร่องกันหรอก
มันมักจะบกพร่องกันในจุดนี้
พุทธศาสนาเกิดขึ้นตรงนี้
พระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ ก็เกิดขึ้นตรงนี้
ตรงนี้เป็นที่เกิดของพุทธภาวะ คือ ภาวะที่รู้
แม้แต่ที่หลวงพ่อพูดอยู่เดี๋
ก็ไม่ใช่ฟังแล้วจำ แต่ให้ฟังแล้วทำ ฟังแล้วกระทำ
ทำอยู่ในกายในใจของเรา สัมผัสอยู่กับตัวเรา
พอหลวงพ่อพูดถึงสติ เราก็รู้ รู้อยู่กับการได้ยิน
สิ่งที่หลวงพ่อพูดก็มีอยู่กั
คล้ายกับว่ายิ่งหลวงพ่อพูด เราก็ยิ่งเห็นตัวเรา
เห็นอะไรเห็นในสิ่งที่หลวงพ่อพู
เช่นความรู้สึก เราก็มีความรู้สึก อยู่เฉยๆ ก็มีความรู้สึก
ถ้าเราชำนาญอาจจะไม่ต้องยกมื
นั่งอยู่เฉยๆก็มีความรู้สึก กระพริบตาก็รู้สึกได้
หายใจก็รู้สึกได้ ตัวรู้ที่มาที่ไป
รู้การกระพริบตาก็เป็นความรู้สึ
สติตัวรู้ที่ไปรู้ลมหายใจ ก็เป็นความรู้สึก คือสติ
ความรู้ที่กระดิกนิ้วมือ ก็เป็นความรู้สึก คือสติ
อยู่เฉยๆ ก็เป็นสติ อยู่ที่ไหนก็เป็นสติ
แม้แต่อยู่เฉยๆ นั่งเฉยๆ ก็เป็นความรู้สึกตัว
หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ
วัดป่าสุคะโต อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ
ไม่มีความเห็น