ประโยชน์ของการ "ขอบพระคุณ"


ประโยชน์ของการ "ขอบพระคุณ"

อันที่จริงเคยเขียนเรื่องการภาวนาแบบง่ายๆในชีวิตประจำวันเป็น series หนึ่งไปแล้วคือ ขออภัย ชื่นชม และขอบคุณ วันนี้มีประเด็นต่อยอดอีกเล็กน้อย

เวลาพูดถึง "ภาวนา" เป็นสภาวะที่ต้องมี "การรับรู้" ที่มีสมาธิ มีการใคร่ครวญ และ "อยู่กับ..." มากระดับหนึ่ง ไม่ใช่แค่ทำๆ หรือใส่เกียร์ออโต้ แล้วใจล่องลอยไปไหนต่อไหน จนกระทั่งจิตเรานั้นขาดการเชื่อมโยงกับการกระทำ ดังนั้นทั้งสามกิริยาคือ ขออภัย ชื่นชม และขอบคุณ จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดกับชีวิต

๑) ทุกครั้งที่เราขอบคุณ หมายถึง ช่วงหนึ่งที่ชีวิตเรา "ดีขึ้น" การขอบคุณนั้นถ้าจะขอบคุณให้ได้ feeling จริงๆ พึงรำลึกถึงเรื่องราว ที่มา ที่ทำให้เรามีเหตุอันพึงขอบคุณด้วย เพราะเรื่องราวเหล่านั้น "ทุกๆเรื่อง" จะสะท้อนถึงช่วงที่ชีวิตของเราดีขึ้น ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงไร สิ่งที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นก็คือ "มีคุณต่อเรา" เราถึงได้ขอบพระคุณ ทักษะในการรำลึกถึงช่วงชีวิตที่ดีนั้น จะยิ่งสำคัญในช่วงเวลาที่ชีวิตของเราพร่องลง ลำบาก หรือทุกข์ ในเวลานั้น ปัจจุบันดูจะโหดร้าย พลอยทำให้อนาคตมืดมนลงไปด้วย อดีตที่ชีวิตเราดีขึ้น จะช่วยเราผ่านไปได้ ชีวิตของเรานั้น "ดีขึ้น" นับครั้งไม่ถ้วน แต่ถ้าเราไม่ได้นำมานึกถึงบ้างเลย เราอาจจะจำไม่ได้แม้กระทั่งวันที่เราเคยหัวเราะดังๆ ยิ้มกว้างๆ ผ่อนคลายสุดๆ เหลือแต่ความกลัดกลุ้มที่จิตเราพัวพันติดกับดักเอาไว้

๒) ทุกครั้งที่เราขอบคุณ หมายถึง ช่วงหนึ่งของชีวิตเราที่ถูก "ดูแล" มนุษย์เป็นสัตว์สังคม และสิ่งที่สังคมมอบให้กับชีวิตมากที่สุดคือการ "ดูแล (care)" การดูแลเป็นของขวัญอันประเสริฐต่อชีวิต เป็นโอสถขนานเอกในการรักษาพยาธิของความเหงา ความเปล่าเปลี่ยว โดดเดี่ยวเดียวดาย เป็นกระสายสำคัญที่เยียวยากระษัย (ps: กระสาย คือ น้ำ หรือตัวละลายตัวยา // กระษัย คือ โรคที่ธาตุเสื่อมสลาย) การขอบคุณจะเกิดควบคู่กับปรากฏการณ์ที่ชีวิตเราถูกเยียวยา ถูกดูแลเสมอ ไม่ได้จากจำเพาะบุคคลก็ได้ อาจจะถูกดูแลด้วยสัตว์เลี้ยง นกที่มาเกาะหน้าต่างร้องเพลงให้ฟัง เสียงเพลงจากบ้านข้างๆ เสียงธรรมชาติน้ำไหล ลมกระทบใบไม้ เราสามารถจะขอบคุณได้แม้กระทั่งกับ "ลมหายใจ" ของเราอันนุ่มนวล ละเอียดอ่อน เป็นสายลมเล็กๆ อันบ่งบอกถึงชีวิตที่เรายังเป็นเจ้าของอยู่ ขอบคุณได้แม้กระทั่ง "ลมหายใจของคนที่เรารัก" ที่บ่งบอกถึงบรรดาชีวิตที่รักเรา มอบความรักความห่วงใยให้กับเรา

๓) เมื่อเราอยู่กับการขอบคุณ เราจะอดไม่ได้ที่จะ "รัก" ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราขอบคุณ ทั้งนี้หมายถึงเราต้อง "อยู่กับ" การขอบคุณนั้นๆจริงๆ ไม่ใช่สักแต่ขอบคุณ การขอบคุณเป็นที่มาแห่งความรักที่มีพลัง เพราะมีสาระมาจากพื้นฐานแห่งการดูแลกันและกัน ความรักนี้เองที่เปรียบเสมือนธนาคารแห่งสิ่งดีๆในชีวิต ยิ่งขอบคุณมาก ยิ่งรำลึกถึงเรื่องราวดีๆในชีวิตที่ "มีคุณ" เพิ่มขึ้น เรากำลังสร้างต้นทุนชีวิตที่จะได้นำไปใช้ต่อไปในชีวิต อันสุดท้ายก็จะเริ่มเสื่อม เริ่มทรุด เริ่มพรากจาก สิ่งที่เราเคยมี แต่หากเราฝึกในการรักษาความทรงจำดีๆเอาไว้ ก็จะเป็นประตูไปหาความดี ความงาม ทั้งหมดในชีวิตของเรา

ทุกวันนี้มีเรื่องราวมากมายที่แย่งชิง "พื้นที่" ของจิตของเราในการเติบโต เยียวยา และรักษาตนเอง หลายๆเรื่องราวเหล่านั้นเป็นพลังงานด้านลบ ที่จับติดแน่นกับจิตของเรา กลายเป็นอาภรณ์ครอบงำจิตของเราตลอดเวลา สำแดงออกมาเป็นอาการกักขฬะ เศร้าหมอง ดุดันก้าวร้าว ฯลฯ เวลาที่เราใช้ไปกับอารมณ์เหล่านั้นมากเท่าไหร่ เราก็เหลือเวลาที่จะให้กับการขอบคุณชีวิตของเราน้อยลงเท่านั้น

น.พ.สกล สิงหะ
หน่วยชีวันตาภิบาล ร.พ.สงขลานครินทร์
วันจันทร์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๐ นาฬิกา ๓๐ นาที
วันแรม ๖ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะแม

คำสำคัญ (Tags): #ขอบคุณ#ภาวนา
หมายเลขบันทึก: 592077เขียนเมื่อ 7 กรกฎาคม 2015 10:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 กรกฎาคม 2015 10:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท