เมื่อได้มีโอกาสไปร่วมกับคณะปฏิรูปการเรียนรู้ของจังหวัด แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แค่วันเดียว นี่ก็ผ่านมา ๒ วันแล้ว ใจผมยังเที่ยวสืบค้นความรู้ที่ตอนนี้ประเทศไทยเรามีอยู่แล้ว เพื่อจะนำมาเสนอต่อคณะปฏิรูปให้มากที่สุด ความจริงท่านผู้ใหญ่คงจะได้อ่านได้ฟังแล้ว แต่คงไม่เป็นไรหากจะโพสท์เผื่อไปสำหรับคนที่ยังไม่อ่าน
เอกสารแรกๆ เลยที่ต้องอ่าน ก่อนจะทำการปฏิรูปการเรียนรู้ของจังหวัด คือเอกสารประกอบการ "อภิวัตน์การเรียนรู้ ... สู่จุดเปลี่ยนประเทศไทย" ที่เขียนโดย ศาสตราจารย์ นพ. ประเวศ วะสี นำเสนอในงานสัมมาในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗
https://drive.google.com/file/d/0B3isulQhnKlgT21wWTNrRUEtQzA/view?usp=sharing
และอีกลิงค์ที่สรุปสาระสำคัญของการประชุมไว้ครบถ้วน
https://drive.google.com/file/d/0B3isulQhnKlgVUJPRnFyYVFEZzA/view?usp=sharing
ในเอกสารฉบับแรกบอกชัดว่า
- จุดเปลี่ยนของประเทศไทยคือ "การปฏิรูปการศึกษา"
- ต้องปฏิรูปด้วยกระบวนทัศน์ใหม่ ไม่ใช่กระบวนทัศน์เก่าที่พิสูจน์เห็นแล้วว่าไม่ได้ผลจากการปฏิรูปมาแล้วหลายครั้ง
- กระบวนทัศน์ใหม่ที่ต้องใช้ในการปฏิรูป คือ ไตรยางค์การเรียนรู้ คือ
- การเรียนรู้ตั้งตั้งอยู่บนฐานชีวิตจริง ปฏิบัติจริง วิถีชีวิตจริง หรือวัฒนธรรมจริง
- กระบวนการคิดด้วยเหตุผล หรือ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
- ใช้จิตตปัญญาศึกษา เพื่อศึกษาให้มีปัญญาเกี่ยวกับจิต เพื่อการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในชีวิตของแต่ละคน
- การเรียนรู้ต้องเป็นของคนทั้งมวล (Learning For All) เป็นการเรียนรู้เพื่อเยียวยาสังคมทั้งหมด (Learning that Heals the Wholes) การพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กไม่ใช่หน้าที่ของครูหรือโรงเรียน แต่เป็นทุกคนในสังคม ตั้งแต่พ่อแม่เป็นต้นไป
- จังหวัดทั้งจังหวัดคือ "สังคมแห่งการเรียนรู้" ตั้งแต่
- การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
- การเรียนรู้ในกระบวนการและกิจกรรมทุกอย่างของชุมชน
- เครือข่ายเยาวชนตำบล
- การเรียนรู้เพื่อสร้างสัมมาอาชีพ
- การเรียนรู้ของผู้ใช้แรงงาน
- การเรียนรู้ของผู้สูงอายุ
- การเรียนรู้พิเศษ
- การเรียนรู้จากการอ่าน ส่งเสริมการอ่านเต็มพื้นที่
- อุดมศึกษาเพื่อท้องถิ่น
- กลไกในการจัดการสู่จังหวัดแห่งการเรียนรู้ ควรมี
- สภาการศึกษาจังหวัด
- สถาบันวิจัยและพัฒนาการเรียนรู้
... ความจริงผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคิดไว้ นี่ก็น่าจะดีมากแล้ว ... และท่านเหล่านั้นก็เน้นย้ำด้วยว่า สำคัญที่สุดคือการปฏิบัติ และต้องเป็นการปฏิบัติอย่างมีส่วนร่วม ...