บทความใน นสพ. Financial Times วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เรื่อง The energy revolution that shook the earth บอกว่า การค้นพบ shale gas ช่วยให้เศรษฐกิจของรัฐโอคลาโฮมาดีขึ้นมากมาย แต่นักวิทยาศาสตร์ พบว่า กิจกรรมสะกัดแก๊สจากชั้นหิน (fracking) อาจก่อให้เกิดการสั่นไหวของแผ่นดินเพิ่มขึ้นมากมายเช่นกัน
บทความใน FT ไม่อนุญาตให้อ่านฟรี ผมจึงค้นด้วยคำค้นว่า shale gas and earthquake ได้ บทความนี้ ซึ่งมีสาระคล้ายกัน คือเอาข้อมูลแหล่งสะกัด shale gas กับข้อมูลการวัดการสั่นสะเทือนของแผ่นดิน ๓ ริกเตอร์ขึ้นไป (มนุษย์รู้สึก) กับที่ต่ำกว่า ๓ ริกเตอร์ลงมา พบว่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงปีหลังๆ ส่อเค้าว่า น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการนำ shale gas มาใช้ประโยชน์
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยโดยตรง แต่ก็สะท้อนภาพให้เราเห็นว่า ไม่มีกิจกรรมใดๆ ที่เราไปรบกวนธรรมชาติ แล้วจะไม่เกิดผลลบ ดังนั้น การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ต่อกิจกรรมของมนุษย์ จึงเป็นเครื่องช่วยให้เรารอบคอบ ไม่มองแต่ผลได้ถ่ายเดียวโดยไม่ระมัดระวัง
บทความทั้งสอง ไม่ฟันธงเสียทีเดียวว่า แผ่นดินไหวที่เกิดบ่อยขึ้นหลายเท่า เกิดจาก fracking ต้องมีการวิจัยต่อไปอีก
วิจารณ์ พานิช
๗ พ.ค.๕๘
Canada Air Lounge, Heathrow Airport
"ไม่มีกิจกรรมใดที่เราไปรบกวนธรรมชาติ แล้วจะไม่เกิดผลลบ"
มนุษย์ทุกคนควรตระหนักนะคะ แม้เราไม่ได้รบกวนแต่ก็ต้องรับผลไปด้วย เลี่ยงไม่ได้