หลังจากบันทึกชีวิตของเด็กหญิงคนหนึ่ง ( สมมุติว่าชื่อ " น้องเก๋" )
ที่คุณมะเดื่อนำลงไว้ในบันทึกนี้ https://www.gotoknow.org/posts/590634
เมื่อวาน (อังคารที่ ๓ มิถุนายน ๕๘ ) น้องเก๋ไม่ได้มาโรงเรียน เพราะเจ็บขา
สาเหตุจากถูกท่อรถมอเตอร์ไซด์ลวกตั้งแต่วันพุธสัปดาห์ก่อน วันนี้ (๔ มิถุนายน)
น้องเก๋มาโรงเรียน พร้อมด้วยบันทึกประจำวัน ที่เธอเขียนทุกวัน จึงทำให้
พอเดาได้ว่า สาเหตุที่เจ็บแผลจนไปโรงเรียนไม่ได้นั้นคงเพราะในช่วงวันหยุด ๓ วัน
ที่ผ่านมาน้องเก๋ต้องออกไปหาหอยกาบในคลองเอาไปต้มแล้วแกะเนื้อให้ยายเอาไปขาย
เหตุนี้คงทำให้แผลเกิดอักเสบขึ้นมา
เพราะแม่ไม่อยู่ พ่อแท้ ๆ แยกทางกับแม่ เธออยู่กับพ่อเลี้ยง และตากับยาย (น้องเก๋
เรียกยายว่า แม่ใหญ่) เธอได้กินข้าวเป็นบางมื้อ ไม่มีเงินไปโรงเรียน ดังนั้นในวันหยุด
เธอจึงออกไปหาหอยกาบ ในลำคลอง เอาไปต้มแกะเอาแต่เนื้อใส่ถุงเอาไปให้ยาย
ขาย เพื่อเอาเงินมาใช้จ่าย และส่วนหนึ่งเอาไปทำอาหาร
"หอยกาบน้ำจืด" ขอบคุณภาพจาก google
แม่ใหญ่ หรือยายของน้องเก๋ เอาเงินที่ขายหอยได้แบ่งให้เธอ เธอก็เอาไปเก็บใส่กระปุก
ออมสินเพื่อไว้ใช้จ่าย
จากการลงน้ำหาหอยกาบ คงทำให้แผลถูกท่อรถมอเตอร์ไซด์ลวกที่ขา อักเสบขึ้นมา
จนทำให้เธอมาโรงเรียนไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นน้องเก๋ก็ยังต้องทำงานบ้าน
บันทึกของน้องเก๋ คงทำให้ครูอีกหลาย ๆ คนได้เห็น และรู้ถึงปัญหาของเด็กที่เป็นศิษย์
ได้พอควร เด็กที่อยู่ตรงหน้าของเรา เราเห็นเขาเพียงด้านเดียว แต่อีกด้าน หรือหลาย ๆ
ด้านของเขา เราอาจจะไม่รู้เลยก็ได้ ครูที่รับหน้าที่เกี่ยวกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ครูผู้สอน ที่สำคัญ ครูประจำชั้น ควรมีข้อมูลของเด็กให้มากด้านที่สุด มิใช่มองดูแล่ด้าน
ที่มองเห็น แล้วไปตัดสินว่าเด็กจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ตามที่ครูมีข้อมูล...ที่ครูมองด้วยสายตา
มิใช่มองด้วย....ใจ
วันนี้น้องเก๋มาโรงเรียน แต่ทางโรงเรียนมีกิจกรรมก่อนวันไหว้ครู (พรุ่งนี้)
คุณมะเดื่อจึงยังไม่ได้เข้าสอนชั้นไหนเลย จึงยังไม่ได้เจอน้องเก๋
เพียงได้อ่านแต่บันทึกเท่านั้น....รู้ว่าคงต้องติดตามความเป็นไปของน้องเก๋
จากบันทึกของเธอในวันต่อ ๆ ไป
ลองให้เด็ก ๆ เขียนบันทึกประจำวันดูบ้างก็ได้....อาจจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ครูจะมองศิษย์
ด้วย " ใจ " ได้อีกหลายด้านทีเดียว
...ด้วยความชื่นชมค่ะ
ตามมาอ่าน...และเป็นกำลังใจค่ะ..