ปรัชญาการเรียนรู้ตลอดชีวิต ภาวะผู้นำ ของ ศ. ระพี สาคริก (36)


เหตุใดร่างกายผมจึงแข็งแรง

ทุกสิ่งทุกอย่างภายนอกกายเราย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเป็นวัฐจักร สัจธรรมบทนี้ถ้าใครถือปฏิบัติได้ย่อมบังเกิดความสุขและมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ อีกทั้งเป็นไปตามกฎแห่งกรรม

มีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งค้นคว้ามาจากความจริงของชีวิต เมื่อพูดถึงครอบครัว หลายคนมักอ้างว่าถ้าครอบครัวมีความสุขชีวิตก็ย่อมมีความสุข แต่หากว่าครอบครัวขาดความสุขชีวิตก็ย่อมขาดความสุขด้วย

ความจริงแล้วเรื่องครอบครัว มันก็มีความรักกับความหลงอยู่ด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้นตามหลักธรรมแล้วพระพุทธองค์ถึงได้ยอมสละครอบครัวเนื่องจากปลงตก เวลานี้เลยกึ่งพุทธกาลซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่หมุนวนเป็นวัฐจักร ดังนั้นครอบครัวแม้แต่การมีชื่อเสียง ซึ่งผมเคยเขียนไว้ว่าถ้าอยากมีชื่อเสียงมันก็ไม่ดีเพราะมันไปรังแกคนอื่น เพราะถ้าหากมันมีเองโดยเราไม่คิดจะมี เราก็ควรถือสัจจะให้มั่นคง

เวลานี้เราได้ข่าวครอบครัวที่มีการเกี่ยงงอนกันระหว่างคนที่ดำรงชีวิตอยู่ เพราะคนตายไปแล้วนั้นแม้จะบริสุทธิ์ผุดผ่องแค่ไหน คนอยู่ก็หาเรื่องใส่กันให้บังเกิดความทุกข์ได้ยาก นี่สิที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสฝากไว้เกี่ยวกับความรักแบบนี้ว่ามีอยู่สามเงื่อนไขด้วยกันคือ หวง ห่วง ห้วง

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสละครอบครัวออกไปบวชก็เพราะเหตุนี้ด้วย ผมเขียนหนังสือไม่ได้สอนใครทั้งนั้นแต่สอนตัวเองด้วยเพราะได้ปฏิบัติแล้วจึงเขียน แต่ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดสนิทสนมมักนำมาใช้เป็นเงื่อนไขเกี่ยงงอนกัน ผมนึกถึงพ่อผมซึ่งได้นำมากล่าวไว้แล้วว่าท่านเกิดมาก็มาตัวเปล่าตายไปก็ไปตัวเปล่าให้ทุกคนได้เห็นอย่างชัดเจน

ถึงกระนั้นเบื้องหลังก็ยังมีการระหองระแหงกันด้วยเรื่องอะไรก็สุดแล้วแต่ ผมเป็นพี่ใหญ่ซึ่งพ่อได้นำปฏิบัติไว้กับผมคล้ายกับฝากน้องๆไว้ ดังนั้นผมจึงเห็นแก่น้องๆทุกคนว่าควรจะร่วมรักร่วมสามัคคีกันไว้ นี่แหละแม้จะไม่มีอะไรในด้านวัตถุแต่ก็ยังมีจิตใจที่ขาดความราบรื่นอันควรมีความซื่อตรงต่อกัน

ผมออกมาจากบ้านที่เคยอยู่ก็ออกมาแต่ตัวเปล่า น้องท้องเดียวกับผมหลายคนก็ออกมาแต่ตัวเปล่าด้วย ผมต้องขออภัยที่นำเรื่องนี้มาเขียนเตือนสติ หาใช่น้องเราเองเท่านั้นไม่ แต่พี่น้องคนไทยอีกหลายคนซึ่งผมได้ยินแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก

คนพวกนี้ไม่รู้ว่าถ้าเขาสร้างอุปสรรคขึ้นมาขัดขวางการดำเนินชีวิตย่อมทำให้บุคคลผู้นั้นบังเกิดความทุกข์ไม่มากก็น้อย ทางที่ดีก็คือไม่หลงตนลืมตัวและเพียรพยายามรักษาความดีงามอันบริสุทธิ์ผุดผ่องเอาไว้เป็นอุทาหรณ์ให้ทุกคนไปคิด

เช่นเดียวกันกับการที่ผมจะไปทำอะไรก็แล้วแต่อย่าไปคิดว่าคนอื่นเขาจะไม่ทราบ วันนี้ผมจะเดินทางไปชำระล้างสัจธรรมที่ผมได้พูดไว้กับที่อื่น ถ้าเราขาดสัจธรรมบทนี้เสียแล้วใครเขาจะมาเคารพและนับถือ

ผมเคยพูดฝากไว้ว่าคนที่ยกมือไหว้ข้างหน้านั้นอาจไม่ใช่ของจริงก็ได้ แต่คนที่ยกมือไหว้ข้างหลังนั่นแหละคือของจริงโดยแท้ เพราะฉะนั้นอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ก็ควรวางตนให้สงบเสงี่ยมในการปฏิบัติเข้าไว้ และพูดแล้วไม่ควรจะคืนคำ

ผมจึงพูดไว้ว่าสิ่งที่ทำมาในอดีตนั้นแม้จะมากมายแค่ไหน ถ้าปัจจุบันทำไม่เหมาะสมครั้งเดียวมันก็ทำลายได้หมดทุกอย่าง เพราะฉะนั้นควรอยู่อย่างเห็นอกเห็นใจกันน่าจะดีกว่า เพราะใครไปทำอะไรที่ไหนอย่านึกว่ามันเป็นความลับ อย่างน้อยเทพยดาฟ้าดินย่อมรู้ย่อมเห็นเป็นประจักษ์พยาน

ผมนึกถึงวันหนึ่งในอดีต มีครูจากโรงเรียนกฤษณะมูรติมาเลือกที่บ้านมาเป็นที่ประชุมโดยนำเอาชาวบ้านจำนวนไม่น้อยนัดแนะกันมาในวันนั้น

ครูโรงเรียนกฤษณะมูรติผู้นั้นทีแรกก็คุยกันถามโน่นถามนี่ ในที่สุดก็ถามขึ้นว่าพระพุทธเจ้า พระเจ้า พระอัลลอร์เจ้า เป็นใคร คนที่มาประชุมไม่ตอบ ส่วนผมนั่งอยู่ด้วยเมื่อไม่มีใครตอบผมก็ช่วยตอบว่าท่านผู้นั้นคือธรรมชาติที่อยู่ในใจเราเอง ทุกคนยกมือไหว้ หลังจากนั้นแล้วครูกฤษณะมูรติได้เดินไปหยิบหนังสือในรถมาเล่มหนึ่งมีชื่อว่า beyond violence ผมพิจารนาดูแล้วจึงรู้ว่าหนังสือเล่มนั้นได้สอนให้คนรู้จักภาวะหลุดพ้น

เวลานี้ผมแจกหนังสือมากมายหลายเล่ม อย่าคิดว่าผมพิมพ์หนังสือขายนะครับ โปรดมองให้ดีว่าใครมาเยี่ยมมาคุย ถ้าพูดถูกใจผมก็ไห้ ส่วนคนที่อยู่ห่างไกล ถ้าเขาซื้อก็ให้เขาซื้อแล้วเราจะได้นำเงินมาจัดพิมพ์หนังสือเล่มใหม่ ผมไม่มีอะไรเก็บไว้เป็นส่วนตัวในด้านวัตถุ เพราะฉะนั้นถ้าคิดว่ามีคนหวังจะได้ทรัพย์สมบัติของผม ทรัพย์สมบัติที่ผมมีอยู่นั้นมันคือสิ่งที่เป็นนามธรรม

นามธรรมคู่กับรูปธรรมและรูปธรรมก็คู่กับรูปแบบ รูปธรรมหมายความว่าสิ่งที่มีธรรมะอยู่ในใจแล้วเอาออกมาใช้ประโยชน์เพื่อเผยแพร่สู่คนรุ่นหลังให้สามารถเรียนรู้ได้อย่างมีความสุข

อย่านำเอารูปธรรมกับรูปแบบมาปนกัน คนที่ขาดธรรมมะในจิตใจตนเองแล้วจะหารูปธรรมจากที่ไหนมมาให้คนอื่น เรื่องนี้ขอให้คิดกันให้ดี

ผมฝากเรื่องนี้ไว้ให้ทุกคนไปคิดวิเคราะห์ค้นหาความจริงจากใจตนเองให้พบได้ จึงจะช่วยให้มีความเจริญรุ่งเรือง

โปรดอย่าได้คิดว่าคนนั้นคนโน้นเขาจะมาเอาสมบัติของผมเลยครับ สมบัติของผมมันมีแต่นามธรรม
ใครทำดีก็ย่อมได้ ใครทำชั่วก็ย่อมได้สิ่งนั้นด้วย เพราะฉะนั้นสมบัติของผมนั้นไม่มีใครเอาไปได้หรอกครับเพราะมันอยู่ที่ตัวท่านแล้ว
เว้นไว้แต่ว่าท่านจะมองเห็นหรือเปล่า


ระพี สาคริก
4 เมษายน 2558


หมายเลขบันทึก: 590597เขียนเมื่อ 27 พฤษภาคม 2015 21:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 พฤษภาคม 2015 21:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท