ผลของนโยบายประชานิยมของไทย
ข่าว ขายสมบัติแสน ล. คลังเทหุ้นนับสิบบริษัทโปะหนี้จำนำข้าว ใน นสพ. โพสต์ทูเดย์ วันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ระบุตัวเลขชัดเจนว่า กระทรวงการคลังเผชิญปัญหาการจัดการหนี้สาธารณะที่เกิดขึ้น อย่างไม่คาดคิดมาก่อน รวม ๗.๒ แสนล้านบาท เป็นปัญหาต่อการบริหารการคลังของรัฐบาลอย่างหนัก
เป็นหนี้ที่เกิดจากโครงการประชานิยมของฝ่ายการเมือง ๓ โครงการ คือ โครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ด ๕.๑๒ แสนล้านบาท ชดเชยการขาดทุนแก่ ขสมก. และ รฟท. ๑ แสนล้านบาท และที่เหลือเป็นเงินสมทบ กองทุนประกันสังคม
ตัวเลขหนี้สาธารณะของไทย ณ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เท่ากับ ๕.๗๒ ล้านล้านบาท ตาม ข่าวนี้ โดยเรามี จีดีพี ของประเทศ ๑๑.๓๗๕ ล้านล้านบาท (๑) จึงเท่ากับหนี้สาธารณะเป็นร้อยละ ๕๐.๓ ของ จีดีพี
บาปสะสมจากนโยบายประชานิยมก่อความทุกข์ระยะยาวแก่คนไทย ผมขอเรียกร้องให้คนไทย ไม่เลือกพรรคที่เสนอนโยบายประชานิยม ในการเลือกตั้งผู้แทนรราษฎรคราวหน้า
วิจารณ์ พานิช
๒๓ พ.ค. ๕๘
ห้องรับรองการบินไทย เชียงใหม่
แล้วอดีตนายกรัฐมนตรี หรือพรรคการเมือง เจ้าของนโยบายประชานิยมแต่ละพรรค ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยหรือ..คะ
เรื่องนี้เป็นที่วิจารณ์กันมากเรื่องการให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนครับ ดูเหมือนเราจะถูกทำให้มองความผิดที่นโยบายจำนำข้าวเพียงอย่างเดียวจนไม่ได้มีโอกาสรู้ว่ารายได้ภาครัฐโดยเฉพาะการเก็บภาษีนั้นต่ำกว่าเป้ามาก ในขณะเดียวกันรัฐบาลปัจจุบันตั้งโครงการในการใช้จ่ายภาครัฐ (Government Spending) เพื่อกระตุ้น GDP จำนวนมหาศาลเพื่อชดเชยตัวเลขตัวอื่นที่ลดลงอย่างมาก (Consumer Spending, Investments, และ Net Exports) ดังนั้นตอนนี้ต้องมีวิธีการต่างๆ ในการหารายได้อย่างที่เรานึกไม่ถึง อาทิเช่นการขายสินทรัพย์ของประเทศเป็นต้นครับ
ผมสนใจว่านักหนังสือพิมพ์และนักวิชาการต่างๆ จะยกเรื่องจำนำข้าวเป็นเหตุผลสนับสนุนให้แก่รัฐบาลปัจจุบันไปได้อีกนานแค่ไหนครับ จะเป็นความรู้ที่ดีทีเดียวถึงหลักการและวิธีการในการควบคุมความคิดของมวลชนให้ไปในทิศทางเดียวกันครับ