นี่ผมลืมลงบันทึกเรื่องนี้ไปได้อย่างไร
เมื่อปีที่แล้วในวันเดียวกันนี้ ผมเขียนบันทึกเรื่องซีดีเพลงซูสีไทเฮา ลงในเฟซบุ๊ค แต่ลืม gotoknow ไป
มาวันนี้ timehob กระเด้งเรื่องวันนั้นมาให้อ่าน
ผมจึงต้องนำมาลงเอาไว้ในนี้ด้วยประการฉะนี้
เย็นวันนี้ ผมได้รับพัสดุซองเล็กๆซองหนึ่ง จั่วหัวที่มุมบนขวาแสดงชื่อของลูกศิษย์ผู้ส่งของมาให้ ข้างในเป็นแผ่นซีดีเพลงประกอบละครเวที "ซูสีไทเฮา"
โดยไม่รอช้า จัดการโหลดเข้าเครื่องเล่นของรถยนต์ แล้วขอฟังในทันที
วันนี้ผมมีแผนในการเดินทางขึ้นเมืองหลวงเพื่อประชุมที่ราชวิทยาลัยเกี่ยวกับการฝึกอบรมนรีแพทย์ฉี่เล็ด อันที่จริงเขามีชื่อเพราะกว่านี้ครับ ประมาณว่า "เวชศาสตร์เชิงกรานสตรีและศัลยกรรมซ่อมเสริม " อะไรทำนองนี้ แต่มันยาวและยากเกินกว่าที่คนหัวทึบอย่างผมจะจดจำได้นานๆ สงสัยต้องใช้คำย่อ "วศชกสตศลกซส" กระมัง
จึงได้จัดแจงหอบผ้าหอบผ่อนออกจากบ้านตั้งแต่ห้าโมงเศษเพื่อไปทำมาหากินที่ร้านก่อน กะว่าจะออกจากร้านราวทุ่มหนึ่ง ถึงสนามบินพอน่าจะไม่จวนตัวมากเกินไปนัก
ไม่ได้ไปรับลูกสาวที่โรงเรียนเพราะวันนี้เป็นคิวแม่ คิดไปเรื่อยเปื่อยว่ายังไม่ได้กอดจูบกันเลย พ่อก็บินอีกแล้ว (แหม่ ทำอย่างกับว่าเป็นคนขับเครื่องบินเองเสียกระนั้น) แต่เพียงไม่นานชั่วคิดถึงก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามา และคนปลายสายด้านนู้นคือลูกสาวคนเล็กนั่นเอง
จ้า: พ่อจ๋า เมื่อกี้พ่อจอดรถติดไฟแดงใช่มั้ย
พ่อเดาได้เลย ว่าเมื่อกี้เธอคงสังเกตเห็นผมแล้วเป็นแน่แท้ จอดติดไฟแดง ฟังเพลงซูสีไทเฮา แววตาออกไปทางเคลิ้ม
จะไม่ให้เคลิ้มไปได้อย่างไรเล่า ในเมื่อเสียงที่ได้ฟังออกมาจากลำโพงนั้น เย็นหู เสียงเศร้าโดยที่ไม่ต้องเดาอารมณ์ของเนื้อเรื่อง แม่คนหนึ่งพร่ำพรรณาถึงความค่นแค้นยากจนของครอบครัว เลี้ยงลูกโดยไม่มีพ่อมาช่วยเหลือ (นี่ฟังแบบผ่านๆนะครับ) แวบแรกคิดว่าเสียงคุณสินจัย แต่เรื่องนี้เธอไม่ได้แสดงนี่นา ใครหนอเสียงช่างเพราะจับใจจริงๆ
พ่อ: จ้ารู้มั้ย พ่อกำลังฟังเพลงละครเวทีเรื่องซูสีไทเฮาอยู่ พ่อว่าลูกต้องชอบแน่ๆเลย มันเพราะมาก
จ้า: อ๋อ จ้าเคยดูตัวอย่างแล้ว แต่จ้าบอกไม่ถูกว่าใครเป็นคนแสดง เดี๋ยวพ่อถ่ายรูปปกซีดีแล้วส่งมาให้จ้าดูทาง Line หน่อยได้มั้ยพ่อจ๋า
พ่อ: ได้สิ แต่ว่าตอนนี้พ่อขับรถอยู่นะ ถ่ายรูปไม่ได้ ไม่ได้สังเกตว่าใครแสดง
จ้า: ไม่เป็นไร ถึงคลินิกแล้วพ่อค่อยถ่ายก็ได้ ถ้าไม่มีลูกค้านะ
จ้านิ่งไปชั่วอึดใจแล้วพูดใหม่ว่า
"เอ้ย...ไม่ใช่ลูกค้า จ้าพูดผิด คนไข้น่ะพ่อ"
อะโจ๊ะ....ถึงหัวใจเลยจริงๆ
ธนพันธ์ ฉี่ไม่เล็ด
๑๕ พค 5๗
น่ารักครับ
แอบทำซึ้งในรถให้ลูกเห็นเหรอค่ะลุงหมอแป๊ะ
อ่านถึงตรงท้ายแล้วทำให้นึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้หลายๆ โรงพยาบาลที่มีหุ้นให้เทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศผลประกอบการได้กำไรกันดีทีเดียวแม้ไตรมาสหนึ่งนี้เศรษฐกิจไทยจะไม่ค่อยดีก็ตาม การรักษาพยาบาลเป็นธุรกิจเต็มตัวกันมานานแล้ว
ตอนนี้มหาวิทยาลัยเอกชนกำลังเริ่มจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งทางตรงและทางอ้อมอยู่หลายแห่งครับ สักวันหนึ่งเราอาจจะได้เห็นมหาวิทยาลัยที่เคยเป็นของรัฐจดทะเบียนกับตลาดฯ ก็ได้
ลำดับต่อไปก็คงได้เห็นสถาบันทางศาสนาจดทะเบียนกับตลาดฯ
"ครู หมอ พระ" are all commercialized.
แต่หมอแป๊ะลงท้ายบันทึกอย่างนี้ผมประทับใจนะครับ เพราะหมอแป๊ะไม่เห็นคนไข้เป็นลูกค้า หมอแป๊ะแบ่งปันเวลากับคนไข้ และคนไข้ก็ตอบแทนน้ำใจด้วยเงินเพราะเราทุกคนจำเป็นต้องอยู่กับโลก capitalism
เหมือน GotoKnow ที่ไม่เคยมีโฆษณามาเป็นสิบปี ปัจจุบันมี banners กระพริบแว้บๆๆ หน้าละสามแห่งทุกหน้าไป
เราทุกคนต่างก็พยายามหาที่ยืนในโลกที่เปลี่ยนไปทุกวันครับ