ช่วงที่ผ่านมาฉันนึกถึงคำปรารภของบางคนที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องการจัดการศึกษา และเป็นห่วงถึงผลเสียหายของสังคมไทย มักปรารภให้ได้ยินว่า "การจัดการศึกษาของไทยส่วนใหญ่ มักต้องการเสื้อครุยและใบปริญญาบัตร มากกว่าความรู้" ปัจจุบันนี้ผลที่ปรากฏจากการปฏิบัติเท่าที่ผ่านพ้นมาแล้ว มันสอดคล้องกับคำปรารภดังกล่าวอย่างเด่นชัดมาก
ดังนั้น ถ้าหลายๆ คนไม่อาจเข้าใจเรื่องนี้ให้มั่นใจได้ เราคงต้องรู้สึกเจ็บปวด หรือชาติไทยอาจจำต้องสูญเสียเอกราชและอธิปไตยไปให้กับชนชาติอื่น และคนไทยซึ่งทำให้เกิดเหตุดังกล่าว รวมทั้งอีกหลายๆ คนที่ไม่ได้ก่อเหตุจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ความจริง เรื่องการศึกษาต่อ ถ้าเราไม่ใช่คนลืมตัวก็ควรจะหวนกลับไปคิดได้เองว่า "เราแต่ละคนต่างก็มีการศึกษาต่อมาตั้งแต่เกิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาที่ถือเอาพื้นฐานการดำเนินชีวิตนับตั้งแต่เกิดมาเป็นสิ่งรองรับให้มั่นคงอยู่ได้ จึงควรนับได้ว่าเป็นผู้ที่เข้าใจเรื่องการศึกษาต่อได้อย่างลึกซึ้ง"
แทนที่จะเข้าใจว่า การศึกษาต่อจะต้องเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย และได้ปริญญาสูงๆ ซึ่งแท้จริงแล้วเรื่องนี้อาจกล่าวได้ว่า "คือการหลอกตัวเอง" ทำให้แต่ละคนจำต้องสูญเสียความเป็นคนก็น่าจะเป็นไปได้
ขณะนี้ ฉันมีอายุย่างเข้า ๘๖ ปีแล้ว ขอให้เข้าใจว่า "ตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่ ฉันคงต้องทำหน้าที่เพื่อการแก้ไขปัญหาและสร้างสรรค์สังคม ซึ่งในอีกด้านหนึ่งก็คือการเรียนรู้ที่หมายความถึงการศึกษาต่อซึ่งเป็นเนื้อแท้ แถมยังเป็นการศึกษาต่อที่อาจกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เป็นการศึกษาที่ไร้กรอบกำหนด รวมทั้งไร้รูปแบบภายในรากฐานจิตใจตนเอง"
ฉันโชคดีที่รู้เท่าทัน จึงปฏิเสธที่จะไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ซึ่งมันไม่ใช่พื้นฐานชีวิตของตัวฉันเองแม้แต่น้อย
แล้วถ้าหากว่ากลับมาทำให้ชาติบ้านเมืองจำต้องเสียหายจากแนวคิดการกระทำที่ฉันไปซึมซับเอามาจากต่างชาติ แล้วใครจะมารับผิดชอบ นอกจากตัวฉันเองเท่านั้น
จากบทความ "ขณะนี้ฉันต้องการศึกษาต่อ" ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
ไม่มีความเห็น